สยบจลาจลคุกปัตตานี ดับ 1 เจ็บนับร้อย รัฐสงสัย "อันวาร์" เอี่ยว
กำลังผสมตำรวจ ทหาร สามารถควบคุมสถานการณ์จลาจลในเรือนจำกลางปัตตานีได้เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.กลางดึกคืนวันศุกร์ที่ 15 ก.ค.59 หลังจากนักโทษและผู้ต้องขังก่อความวุ่นวายขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 16.30 น. โดยใช้เวลานานกว่า 7 ชั่วโมง
เหตุการณ์จลาจลทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 21.06 น. โดยผู้ต้องขังได้จุดไฟเผาอาคารเพิ่มอีก 1 หลัง คือ อาคารการศึกษาในเรือนจำ หลังจากวางเพลิงเผาอาคารที่เจ้าหน้าที่ใช้ปฏิบัติงานวอดไปแล้ว 1 อาคาร
ช่วงนั้นมีการเผยแพร่ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ต้องขัง ซึ่งมีทั้งหมด 11 ข้อ ได้แก่ ห้ามย้ายผู้ต้องขังทุกคนไปเรือนจำอื่น, ห้ามผู้คุมทำร้ายผู้ต้องขังที่ทำผิดวินัยเกินกว่าเหตุ, ให้ย้ายผู้อำนวยการคนใหม่พร้อมเจ้าหน้าที่อีก 7 คนออกจากเรือนจำ และให้ย้ายหัวหน้าผู้คุมคนเก่ากลับมา
ให้ผู้ช่วยเหลือหัวหน้ากองงานเป็นผู้ต้องขังมุสลิมทั้งหมด, ให้ผู้ต้องขังที่เป็นสามีและภรรยาเจอกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง, ขอให้ของฝากจากที่ญาติเยี่ยม สามารถส่งเข้าเรือนจำได้ตามปกติ, ขอให้ทางเรือนจำเปิดข่าวสารให้ผู้ต้องขังดูได้ตามปกติ, ให้เลื่อนชั้นผู้ต้องขัง 6 เดือนครั้ง และใส่ใจผู้ต้องขังมากขึ้น, ให้นำอาหารขึ้นเรือนนอนได้ และไม่ให้เอาผิดผู้ต้องขังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปรากฏว่าหลังมีการยื่นข้อเรียกร้องซึ่งเขียนด้วยลายมือในกระดาษสมุด เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับข้อเรียกร้องทุกข้อ และระดมกำลังเตรียมเข้าระงับเหตุ แต่ฝ่ายผู้ต้องขังได้ปิดประตูและปิดไฟจนมือทั้งหมด
เวลาประมาณ 22.00 น.มีความพยายามจุดไฟเผาเรือนนอน ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจส่งกำลังเข้าเคลียร์พื้นที่ โดยใช้ปืนยิงกระสุนยางเปิดทาง เสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง กระทั่งสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเบื้องต้นเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ พร้อมส่งรถขนผู้ต้องหาเข้าไปภายใน เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังและนักโทษ โดยเฉพาะกลุ่มหัวโจก ส่งไปคุมขังต่อยังเรือนจำอื่น สถานการณ์คลี่คลายลงช่วงหลังเที่ยงคืน
มีรายงานความเสียหายในเบื้องต้นว่า อาคารภายในเรือนจำถูกเพลิงเผา 3 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บราว 100 คนช่วงที่เจ้าหน้าที่ยิงกระสุนยางและใช้กำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยทั้งหมดเป็นนักโทษและผู้ต้องขัง ส่วนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงต้นของเหตุการณ์ 3-4 คนจากการถูกหินและไม้ปาใส่
นอกจากนั้นยังมีผู้ต้องขังชั้นเยี่ยมซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ต้องขังที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน หรือ ผชล.เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายเกียรติศักดิ์ จันทร์ดวง หรือ เอียด อายุ 23 ปี
มีรายงานที่ยังไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ต้องขังที่ก่อเหตุบางรายได้โยนศพของ นายเกียรติศักดิ์ เข้าไปในกองไฟที่ลุกโชติช่วงจากการเผาอาคารด้วย
ขณะที่ นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เตรียมลงพื้นที่เพื่อเข้าไปตรวจเยี่ยมในเรือนจำ
สงสัย "อันวาร์" อดีตนักกิจกรรมในพื้นที่มีเอี่ยว
มีรายงานจากฝ่ายความมั่นคงว่า กระดาษที่เขียนข้อเรียกร้อง 11 ข้อของกลุ่มผู้ต้องขัง มีชื่อ “อันวา ฮะยีเต๊ะ” ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าน่าจะหมายถึง นายมูฮำหมัดอัณวัร หะยีเตะ หรือ อันวาร์ นักโทษเด็ดขาดคดีอั้งยี่ ซ่องโจร ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 12 ปี ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานว่าเขาเคยร่วมก่อเหตุรุนแรง
ก่อนถูกจำคุก นายอันวาร์ จบการศึกษา และร่วมก่อตั้งสื่อทางเลือกในพื้นที่ชายแดนใต้ ใช้ชื่อว่า “บุหงารายา นิวส์” นอกจากนั้นยังเคยร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิมนุษยชน เสรีภาพ และกฎหมายในพื้นที่ด้วย
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า นายอันวาร์ เป็นแกนนำหรือตัวแทนเจรจาของกลุ่มผู้ต้องขังที่ก่อเหตุจลาจลหรือไม่ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เผยแพร่ภาพและประวัติของเขาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมโจมตีว่าเขาคือแกนนำปลุกปั่นนักโทษให้ก่อจลาจล
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพจากเจ้าหน้าที่ และศูนย์กู้ชีพกู้ภัยสันติปัตตานี
อ่านประกอบ :
1 ร่วมกู้ชาติปัตตานีเจอคุก 12 ปี จับตาผลสะเทือนคดี "มูฮาหมัดอัณวัร"
2 วิเคราะห์คำพิพากษาคดี "มูฮาหมัดอัณวัร" กับคำชี้แจงของ กอ.รมน.