ป.ป.ช.ฟันผู้บริหาร-ขรก.ท้องถิ่นพันทุจริตรวด 6 จังหวัด-ส่ง อสส.ฟ้องแล้ว
ป.ป.ช. เชือดอีกล็อต ผู้บริหาร-ขรก.ท้องถิ่นพันคดีทุจริตรวด 6 จังหวัด นายก อบต.เพียบ ส่งสำนวนให้ผู้บังคับบัญชาฟันวินัย ส่ง อสส. ฟ้องอาญาแล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดผู้บริหาร-ข้าราชการส่วนท้องถิ่น จำนวน 6 คดี ใน 6 จังหวัด โดยได้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัย และอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว ได้แก่
1. จังหวัดนนทบุรี : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นายสุขสันติ์ ยุทธเกษมสันต์ ผู้อำนวยการสำนักการช่าง เทศบาลนครนนทบุรี อ.เมืองนนทบุรี (2) นายคม แสงบำรุง ผู้อำนวยการส่วนควบคุมอาคารและผังเมือง เทศบาลนครนนทบุรี (3) นายสมบัติ พงษ์ไพโรจน์ นายช่างโยธา เทศบาลนครนนทบุรี ว่าไม่ดำเนินการตามกฎหมายควบคุมอาคารกับเจ้าของอาคาร ซึ่งก่อสร้างอาคารโดยผิดกฎหมาย
โดย (1) นายสุขสันติ์ฯ, (2) นายคมฯ และ (3) นายสมบัติฯ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง แต่ในกรณีของนายสุขสันติ์ฯ ได้ลาออกจากราชการแล้ว และตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย ข้อ 24 กำหนดว่าในกรณีที่ผลการสอบสวนพิจารณาปรากฏว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย ที่จะต้องลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน ก็ให้งดโทษเสีย ดังนั้น จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งรายงาน ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยอีก
2. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด นายสมบัติ ขันธรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองตะเคียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา ว่าอนุมัติจัดซื้อที่ดินสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลคลองตะเคียนโดยมิชอบ โดยนายสมบัติฯ มีมูลเป็นการกระทำการที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งหรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่นๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157
3. จังหวัดราชบุรี : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นายบัว จ้อยทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนคา อำเภอบางแพ (2) นางสาวเกศราภรณ์ การะเกตุ หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลดอนคา (3) นายวัลลภ จันทร์หอม หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลหัวโพ ในฐานะคณะกรรมการตรวจการจ้าง (4) นางสาวธัญสินี ทองแย้ม หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลดอนใหญ่ ในฐานะคณะกรรมการตรวจการจ้าง (5) นายปรีชา สาธารณะ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน องค์การบริหารส่วนตำบลดอนคา ในฐานะคณะกรรมการตรวจการจ้างว่า
1. จัดทำข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2549 ขึ้นใหม่ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาองค์การบริหารส่วนตำบลดอนคา 2. จัดซื้อรถบรรทุก (ดีเซล) และเครื่องถ่ายเอกสาร ตามข้อบัญญัติใหม่ที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ 3. ตรวจรับงานจ้างเป็นเท็จละเว้นไม่เรียกเก็บเงินค่าขุดลอกคลองที่ผู้รับจ้างดำเนินการ ไม่ครบถ้วนตามสัญญา
โดย (1) นายบัวฯ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เฉพาะกรณีตามข้อกล่าวหา ที่ 1 และที่ 2 (2) นางสาวเกศราภรณ์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ในกรณีตามข้อกล่าวหาที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 (3) นายวัลลภฯ , (4) นางสาวธัญสินีฯ และ (5) นายปรีชา มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ในกรณีตามข้อกล่าวหาที่ 3 แต่ในกรณีความผิดทางวินัยของนายวัลลภฯ นางสาวธัญสินีฯ และนายปรีชาฯ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ได้มีคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือน คนละ 5 % เป็นเวลา 1 เดือน ในความผิดนี้กรณีนี้แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่อง ให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษอีก
4. จังหวัดนครราชสีมา : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นายพิทักษ์ พลดงนอก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองตาดใหญ่ อำเภอสีดา (2) นายไมตรี บำรุงตา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหนองตาดใหญ่ (3) นางชนากานต์ แสงทิตย์ หัวหน้าส่วน การคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลหนองตาดใหญ่ ว่านำเงินไปสร้างบ้านพักอาศัยให้นางธัญศร (ธัญญษร) ศรีชุม ผู้กู้โดยไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย และไม่ได้ทำสัญญากู้ยืมไว้เป็นหลักฐาน อีกทั้งไม่ดำเนินการทวงหนี้เพื่อให้ลูกหนี้ชำระหนี้
โดย (1) นายพิทักษ์ฯ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 (2) นายไมตรีฯ และ (3) นางชนากานต์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
5. จังหวัดมหาสารคาม : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นายฉลาด ศรีตะวัน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกำพี้ อำเภอบรบือ (2) นายอัครเรศ ภูมิหาทอง หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลกำพี้ ในฐานะผู้ควบคุมงานโครงการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน บ้านฮ่องไผ่ หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 14 ตำบลกำพี้ อำเภอบรบือ และเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างโครงการจ้างยกร่องพูนดินปรับเกรดถนนและลงท่อระบายน้ำบ้านเหล่ายาว หมู่ที่ 9 และบ้านแดงน้อย หมู่ที่ 2 (3) นางฐิติรัตน์ อันทรัตน์ หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลกำพี้ ว่าทุจริตในการดำเนินโครงการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน และโครงการจ้างยกร่องพูนดินปรับเกรดถนนและลงท่อระบายน้ำ บ้านเหล่ายาว หมู่ที่ 9 และบ้านแดงน้อย หมู่ที่ 2
โดย (1) นายฉลาดฯ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 (2) นายอัครเรศฯ กรณีโครงการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน บ้านฮ่องไผ่ หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 14 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162(1), (4)
สำหรับกรณีการเบิกจ่ายเงินในโครงการจ้างยกร่องพูนดินปรับเกรดถนนและลงท่อระบายน้ำ บ้านเหล่ายาว หมู่ที่ 9 และบ้านแดงน้อย หมู่ที่ 2 โดยนายอัครเรศฯ ในฐานะประธานกรรมการตรวจการจ้าง ฟังได้ว่านายอัครเรศฯ เป็นผู้รับจ้างดำเนินการโครงการก่อสร้างนี้เอง แต่ใช้ชื่อนายสนอง ร่มเย็น เป็นผู้รับจ้าง การกระทำของนายอัครเรศ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152, มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) ส่วนนางฐิติรัตน์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4)
6. จังหวัดยโสธร : จำนวน 1 คดี
มีมติชี้มูลความผิด (1) นางพรทิพย์ แก้วมิ่ง หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลห้องแซงอำเภอเลิงนกทา (2) จ่าสิบตำรวจ สมพงษ์ สิทธิพงษ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้องแซง ว่าเบียดบังเงินสมทบกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น และเงินที่จะต้องนำส่งองค์การบริหารส่วนตำบลห้องแซง ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โดย (1) นางพรทิพย์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 (2) จ่าสิบตำรวจ สมพงษ์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง