สปส.ถูกหั่นงบ 1 หมื่นล้าน กระทบกองทุนว่างงาน หากตัวเลขเลิกจ้างเกิน 7.5หมื่นคน
รบ.ตัดงบ สปส.กว่า 1 หมื่นล้าน ผัดผ่อนจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม ก.แรงงานฯเผยผนวกปัจจัยลดเงินสมทบกองทุนฯ 3% หากตัวเลขเลิกจ้างปีนี้เกิน 7.5 หมื่นคน กระทบกองทุนประกันว่างงานและชราภาพ
น.ส.ส่งศรี บุญบา รองปลัดกระทรวงแรงงาน(รง.) เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี 2555 อนุมัติงบประมาณในส่วนของกระทรวงแรงงาน 16,316 ล้านบาท จากที่ขอไป 27,265 ล้านบาท โดยถูกปรับลด 10,948 ล้านบาท
ทั้งนี้หน่วยงานที่ถูกปรับลดมากที่สุดคือสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้รับอนุมัติงบฯ 11,165 ล้านบาทจากที่ขอไป 21,821 ล้านบาท ถูกปรับลด 10,656 ล้านบาท ซึ่งยอดที่ถูกปรับลดดังกล่าวแยกเป็นงบในส่วนของเงินสมทบกองทุนประกันสังคมที่รัฐบาลต้องจ่ายเข้ากองทุนในสัดส่วน 2.75% เป็นเงิน 10,000 ล้านบาท และอีก 656 ล้านบาทเป็นงบเงินเดือน ค่าจ้างลูกจ้าง และค่าเช่าบ้าน ของข้าราชการของ สปส.
รองปลัด รง.กล่าวอีกว่า งบฯสปส.ที่ได้รับอนุมัติกว่า 1 หมื่นล้านบาทนั้น จะถูกนำไปใช้ชำระเงินค้างจ่ายเงินสมทบประกันสังคมได้แค่ช่วงเดือน พ.ค.-ก .ย.2553 เท่านั้น ทั้งนี้รัฐบาลยังค้างจ่ายเงินสมทบประกันในช่วงเดือนต.ค.2553-ก.พ.2554 เป็นเงินกว่า 10,656 ล้านบาท
“รัฐบาลขอผลัดจ่ายเงินประกันสังคมไปก่อน เนื่องจากต้องนำเงินไปฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย การผัดผ่อนจ่ายเงินสมทบของรัฐบาลทำมาอย่างต่อเนื่อง เงินก้อนนี้ก็ไม่ได้เป็นหนี้สูญ ต้องจ่ายคืน ซึ่งเฉลี่ยรัฐบาลค้างจ่ายเงินสมทบประมาณเดือนประมาณ 2 พันล้านบาท” น.ส.ส่งศรี กล่าว
ส่วนที่เกรงว่าจะส่งผลกระทบสถานภาพกองทุนประกันสังคมนั้น น.ส.ส่งศรี กล่าวว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์การจ้างงานหลังจากนี้ หากมีการเลิกจ้างมากกว่าปีที่ผ่านมา 2-3 เท่าก็น่าเป็นห่วง เพราะจะมีผลกระทบต่อกองทุนประกันการว่างงานที่มีอยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท เงินจะไหลออกจากกองทุนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามขณะนี้มีแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมถูกเลิกจ้างกว่า 2.5 หมื่นคนและยื่นใช้สิทธิประกันว่างงานประมาณ 1.4 หมื่นคน ซึ่งยังเป็นตัวเลขที่ไม่สูงมาก อยู่ในภาวะที่กองทุนประกันว่างงานดูแลได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้บอร์ดประกันสังคมมีมติลดการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม 3% ทั้งปี จะเป็นซ้ำเติมสถานะกองทุนหรือไม่ น.ส.ส่งศรี กล่าวว่าปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลกระทบเพราะเงินหายไปโดยเฉพาะในส่วนของผลตอบแทนจากการนำเงินไปลงทุนด้านอื่นๆเพื่อให้มีดอกผลเพิ่มขึ้น อาจจะหายไปบ้าง แต่คงไม่มาก โดยเฉพาะเงินในส่วนของกองทุนชราภาพได้ดูแลอย่างดี เพราะต้องเริ่มจ่ายบำนาญให้แก่ผู้ประกันตนในปี 2557 ซึ่งคาดว่าเงินจะไหลออกจำนวนมาก
น.ส.ส่งศรี กล่าวว่าส่วนหน่วยงานอื่นๆที่ถูกปรับลดงบ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ได้รับอนุมัติงบฯ 1,105 ล้านบาท จากที่ขอไป 1,195 ล้านบาท ถูกปรับลดกว่า 90 ล้านบาท กรมการจัดหางาน (กกจ.) ได้กว่า 992 ล้านบาท จากที่ขอไปกว่า 1060 ล้านบาท ถูกปรับลดกว่า 67 ล้านบาท กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ได้กว่า 2,009 ล้านบาท จากที่ขอไป 2,113 ล้านบาท ถูกปรับลดกว่า 104 ล้านบาท กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ได้กว่า 1,043 ล้านบาท จากที่ขอไปกว่า 1,073 ล้านบาท ถูกปรับลดกว่า 30 ล้านบาท
ทั้งนี้งบส่วนที่ถูกปรับลดออกไปของแต่ละหน่วยงานข้างต้นเป็นงบในส่วนการปรับปรุงระบบไอซีทีประมาณ 5% การจัดซื้อครุภัณฑ์และงบอบรมสัมมนาและเดินทางไปต่างประเทศประมาณ 10% ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของแต่ละกระทรวง
รองปลัดกระทรวงแรงงาน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการฟื้นฟูช่วยเหลือแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วมว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติงบประมาณ 2 โครงการจากที่เสนอไป 7 โครงการได้แก่ โครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้าง ในการช่วยนายจ้างจ่ายค่าจ้างรายละ 2,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งเสนของบรอบแรกไว้ 606 ล้านและรอบสอง 1,212 ล้านบาท รวม 1,818 ล้านบาท เป้าหมาย 300,000 คน และอนุมัติงบโครงการยกระดับฝีมือแรงงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน(กพร.)วงเงิน กว่า 61 ล้าน กลุ่มเป้าหมาย 1.5 หมื่นคน โดยได้รับเบี้ยเลี้ยง 120 บาทต่อวัน
ส่วน 5 โครงการที่ไม่ได้รับอนุมัติ เช่น โครงการพลิกฟื้นคืนอาชีพ โครงการฟื้นฟูความปลอดภัยในการทำงานในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่ประสบอุทกภัยนั้น ครม.เห็นว่าเป็นงานปกติและมีความซ้ำซ้อนกับโครงการที่แต่ละจังหวัดเสนอเข้ามา จึงไม่ได้อนุมัติ .
ที่มาภาพ : http://cmemployment.org/vgguide/indexcic.asp