ดร.สมเกียรติ โอสถสภา :EU กับ AEC ต่างกันอย่างไร
สัญญา AEC ไม่มีอันตรายอะไรแบบที่อังกฤษเจอ ก็ขื้นอยู่กับว่าสัญญาที่ไปทำไว้นั้นได้เปรียบหรือเสียเปรียบเรื่องอะไร รายละเอียด ต้องประเมินกันทุกระยะแล้วขื้นอยู่กับว่า ไทยเราแข่งกับประเทศอื่นได้ไหม
ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟชบุค Somkiat Osotsapa เรื่อง EU กับ AEC ต่างกันอย่างไร
ตอนที่หนื่ง EU
เพื่อนเพจจำนวนมากสอบถามเข้ามาว่า AEC จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเหมือนกับที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอังกฤษจนถืงขั้นออกมาลงประชามติโหวตขอให้รัฐบาลถอนตัวจากสหภาพยุโรป หรือไม่
สององค์กรนี้ต่างกันเยอะมาก เรื่องนี้แปะไว้อ่านกันได้เลย ถ้าทำงานเกี่ยวข้องกับต่างชาติ พูดเรื่องพวกนี้ได้ จะดูมีภูมิมาก มีประโยชน์กับธุรกิจ ประเด็นเหล่านี้จะเป็นส่วนหนื่งของวาระการเมืองของประเทศไทยต้องระมัดระวัง
เรื่องที่คนอังกฤษไม่พอใจสหภาพยุโรปรุนแรง มีหลายเรื่อง แต่ละเรื่องแสดงอำนาจ บทบาทของอียูที่ต่างจากอาเซียน AEC
หนื่ง สหภาพยุโรปหรืออียูมีอำนาจในการกำหนดนโยบายเหนือรัฐบาลของประเทศสมาชิก มีสภายุโรป มีคณะรัฐมนตรียุโรป มีศาลยุโรป มีรัฐธรรมนูญยุโรป ของ 28 ประเทศ อยู่ที่เบลเยี่ยม รัฐบาลประเทศสมาชิกต้องทำตามทุกเรื่อง รวมถืงแก้กฏหมายให้เป็นไปตามมติ
ยกเอกราชอธิปไตยให้เขาไปเลยว่างั้น
อียูนี่จริงๆแล้วอยู่ภายใต้เยอรมันกับฝรั่งเศส ที่เป็นประเทศใหญ่ มีการสร้างบล็อกขื้นมา เอาประเทศเล็กๆอื่นๆไว้ในอำนาจ เพราะมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ เงินกู้
เรื่องที่ทำให้คนอังกฤษและคนทั่วยุโรป แม้แต่ในเยอรมันและฝรั่งเศสโกรธองค์กรนี้ คือ
@ สั่งให้รับผู้อพยพทางเรือจากอาฟริกา ซีเรีย ตะวันออกกลาง เอเซียเข้ามา แล้วให้ประเทศสมาชิกรับไป ปีนี้มากันหลายแสน ทางไอสิสก็ประกาศว่าจะส่งคนเข้าไป แล้วมาจริงด้วย ที่ไปรบในซีเรียมาจาก 50 กว่าประเทศ แยกไม่ถูกว่าใครจะมาก่อการร้ายหรือไม่ ช่วงนี้เกิดวินาศกรรมต่อเนื่องทั้งในเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส ตุรกี บังกลาเทศ อังกฤษนี่เป้าหมายทีเดียว เพราะช่วยอเมริการบ
"คนอังกฤษก็กลัว เมืองในอังกฤษหนาแน่นมาก ระเบิดรถใต้ดินนี่มีสิทธิตายเยอะ ตอนโรฮิงยาเข้ามาไทย ผมบอกว่ารับมาหลายๆหมื่นคนตามแรงบีบ หน้าบานอยู่อาทิตย์เดียว ลูกหลาน ทุกข์ตลอดชีวิต"
ความกลัวสำคัญกว่าเงิน
@ ให้คนในประเทศสมาชิกเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ทำงานโดยเสรี เรื่องนี้ทำให้ค่าแรงคนอังกฤษลดลง ตามหลักดีมานด์ ซัพพลาย
ราวหนื่งในสี่ของประชาชนในประเทศสมาชิกอียู ราว 120 ล้านคน จาก 480 ล้านคน ถูกจัดว่า จน วิกฤติเศรษฐกิจทำให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ตัดงบความช่วยเหลือคนเหล่านี้ รัฐที่ว่างงานสูง คนจนมาก จึงหนุนอียูเรื่องย้ายประชากร รัฐที่ต้องรับก็บอกว่า ไม่ไหวแล้ว ยังมีที่จะมาจากอาฟริกาเป็นพันล้าน ตะวันออกกลางอีกหลายร้อยล้าน อินเดีย ปากีสถาน ยังบังกลาเทศ ศรีลังกาอีก ถ้าเกิดขื้นจริง
นี่คือยุโรปยุคสุดท้าย รีบไปดูก่อนอารยธรรมยุโรปจะสลายไป
ความกลัวว่าเอกลักษณ์ วัฒนธรรมของตนเองจะสูญสลายนี่เรื่องใหญ่มากๆ พอๆ กับกลัวไม่มีงานทำ ยิ่งกฏของอียูบอกว่า ต้องหาบ้านให้อยู่ มีสวัสดิการให้ โดยเก็บภาษีคนอังกฤษไปช่วยปีละ 7000 บาทต่อประชากรอังกฤษหนื่งคนทุกปีนี่เรื่องใหญ่ คนอังกฤษหนื่งในสี่จน 10% เป็นพวกโฮมเลส ไร้บ้าน คิดดูละกัน
อังกฤษสำรวจพบว่า หนื่งในแปดของคนในประเทศ ราว 10กว่าเปอร์เซนต์เป็นผู้อพยพ เมื่อรับเข้ามา หรือแอบเข้ามาต้องให้สิทธิเลือกตั้งด้วย ยิ่งรับมามาก คนอังกฤษจะมีเสียงน้อยลง ยังมีปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล รถใต้ดิน โรงเรียนอีก คล้ายเมืองไทยไหม
@ คนอังกฤษ คนในยุโรป รู้สืกว่าอยู่ไม่ได้แล้ว และรัฐบาลเอาไม่อยู่ หน่วยงานความมั่นคงคุมไม่ได้
ผมรู้จักยุโรปดี คิดว่างั้น นี่ก็เพิ่งไปมา ไม่นาน ตั้งแต่สแกนดิเนเวียยันยุโรปใต้ เมื่อ 45 ปีที่แล้ว คนยุโรปยินดีรับผู้อพยพจากภัยสงคราม เช่นที่หนีมาจากยุโรปตะวันออก สงครามเวียดนาม มีเอเซียใต้ไปด้วย แต่พอเข้าไปมากขื้น ความขัดแย้งเกิด อยู่กันลำบาก คนต่างศาสนา ความเชื่อ ความเป็นอยู่ อาชญากรรมเพิ่มสูงมาก
บริเวณสถานีรถไฟ แถวอังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เยอรมัน ทางลงรถใต้ดินแถวออสเตรียบางแห่ง มีสิทธิโดนล้อม ปล้น มีผู้อพยพที่ไม่มีงานทำไปตั้งกลุ่มกันเป็นร้อยย่านใจกลางเมือง หื่นใส่ผู้หญิง ย่านที่เคยโรแมนติกเปลี่ยนไปมาก รวมอิตาลี่ สเปน
ตอนนี้หลังลงประชามติ คนอังกฤษคิดว่าจะส่งผู้อพยพออกไปให้หมดทันที มีข่าวทุบตีกันเป็นร้อยๆเคส เฟสบุคกระหื่มไปหมด
ที่เยอรมันยกกำลังมาไล่ทุบผู้อพยพที่ข่มขืนผู้หญิง แถวสแกนติเนเวีย อยู่ในสภาพที่คนท้องถิ่นหงอไปเลย เติร์กเยอะมาก และดุ รวมกลุ่มกัน เรื่องเยอะทุกประเทศ ยิ่งจะสร้างสุเหร่าขื้นมามาก ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่
ที่อังกฤษ เจอว่า ปีสองปีนี้มีคนอพยพเข้าสองล้านกว่า เมื่อลองคิดเลขดู ไม่กี่ปีก็ครื่งนืงของคนอังกฤษ ยังมีออกลูกหลานมาอีก เอาญาติมาได้อีก คนอังกฤษกลัว่ว่าประเทศตนจะเป็นอเมริกา ต้องจ้างคนเชื้อสายต่างๆเป็นร้อยภาษามาเป็นตำรวจ
ผมไม่อยากให้เกิดที่ประเทศไทย
ที่อังกฤษคำนวณกันว่าจะส่งผู้อพยพเหล่านี้กลับ ต้องใช้เงินหลายล้านล้านบาท และใช้เวลา 20 ปี
เมืองไทยคนที่พูดว่า มีต่างด้าวล้านสามแสนคน ตอนนี้ราว 7 ล้าน เอาสถิติตรวจคนเข้าเมืองมายันได้เลยไปคุยกับขาใหญ่มาก็ราวนั้น ที่เพื่อนเพจบอกมา เรื่องคนจีนน่ะถูก แค่สองปีอยู่เกินวีซ่าเกือบล้าน
ผมไปตามลายแทงที่บอกมา เพียบ
@กลับมาเรื่องอังกฤษ
แล้วอียูยังออกกติกาว่า คนอังกฤษจับปลาได้แค่นั้นแค่นี้ตันต่อปี อังกฤษซึ่งเก่งเรื่องประมงตาย ชาวประมงจน ยังกำหนดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันและแก้ส ต้องไม่เกินจำนวนนี้ เรียกว่า ไม่ให้แข่งกันเลยระหว่างสมาชิกทุกอาชีพโดนหมด อัตราความเติบโตของยุโรปจึงต่ำ
นี่จะไม่ให้ใช้ภาษาอังกฤษอีก
เงินงบประมาณการวิจัยจะจัดสรรแบ่งกันระหว่างประเทศสมาชิก ธนาคารกลางอียูดูแลค่าเงินของประเทศที่เข้ายูโรโซน หลายประเทศถ้าออกจากกลุ่มจะล้มพังพาบ
ที่น่าสนใจอีกเรื่อง คือ ความไม่พอใจบริษัทข้ามชาติ เพราะอียูส่งเสริมการลงทุนข้ามชาติ ทุนใหญ่อยู่สบาย ทุนเล็กตายหมด
เงินในยุโรปถูกสร้างโดยตลาดหุ้น เช่น บริการของรัฐทุกอย่างในลักเซมเบอร์ก จับเข้าตลาดหุ้นหมด รายได้ต่อหัวจึงสูง คนธรรมดาที่ไม่มีหุ้น จน ของก็แพงไปเรื่อยๆ
ถ้าเอาทุกอย่างในประเทศไทยเข้าตลาดหุ้นให้หมด รายได้ของประเทศจะเพิ่มเยอะ คนที่มีหุ้น กองทุน สถาบันการเงินรวยเหมือนชาวลักเซมเบอร์ก แต่คนไม่มีเงินซื้อหุ้น เขาไม่รู้สึกเป็นเจ้าของความมั่งคั่งของประเทศ
ตอนนี้ ออสเตรียบอกว่า ถ้าตุรกีเข้าเป็นสมาชิก ออสเตรียจะถอนตัว สาธารณรัฐเชคจะให้โหวตว่า จะอยู่นาโต้และอียูหรือไม่
เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส และหลายประเทศจะมีโหวต แม้กระทั่งรัฐบาลเยอรมันก็คลอนแคลน
ตอนนี้ประเทศในเอเซียไปคุยแล้วว่าจะทำ FTA กับอังกฤษ เรื่องแบบนี้ AEC ไม่มีกติกา นโยบายการเมือง การเลือกตั้งจะต้องสนใจเรื่องพวกนี้ เป็นกระแสทั่วโลก
ตอนที่สอง AEC
EU กับ AEC ต่างกันอย่างไร
หนื่ง สำนักงานเลขาธิการอาเซียนที่จาการ์ต้ามีฐานะเป็นเพียงกองเลขา เป็นเพียงที่พบปะประชุมระดับสูงระหว่างประเทศสมาชิก ปีละ 2 ครั้ง ระดับ Senior Officer หนื่งครั้ง ระดับรัฐมนตรีหนื่งครั้ง ตกลงอะไรกันได้ก็เอา แต่ไม่มีสภาของอาเซียน ไม่มีส.ส. อาเซียน ไม่มีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนเป็นเดือนเหมือนอียู ไม่มีศาลอาเซียนที่ศาลไทยต้องทำตาม ไม่มีธนาคารกลางอาเซียน ไม่มีเงินอาเซียนที่ค่าเหมือนกันทุกประเทศ
และไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้ ทุกประเทศไม่ยอมให้ประเทศอื่นมาทำตัวเจ้ากี้เจ้าการแน่นอน ไม่ได้รักกันขนาดนั้น
สอง AEC เป็นแผนขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจจากปี 2553-2516
เรื่องใหญ่ คือ
@ ลดการกีดกันการค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับอัตาภาษีนำเข้าระหว่างประเทศ
@ ให้บริษัทของประเทศสมาชิกเข้าไปลงทุนโดยถือหุ้นใหญ่ เกิน 50% ได้ ในสาขาที่ตกลงกัน
@ ทำการรับรองมาตรฐานสินค้าระหว่างกันเช่น เครื่องสำอาง จะได้ค้ากันสะดวก
@ สร้างความร่วมมือในการทำให้การค้าระหว่างกันสะดวก เช่น สร้างสะพาน ทำถนน เปิดเที่ยวบินเพิ่ม สร้างระบบลอจิสติกส์ ให้ด่านศุลกากรใช้เวลาค่าใช้จ่ายน้อยลง
@ เปิดให้มีการค้าบริการที่เรียกว่า services กันมากขื้น บริการนี่ หมายถึง ธนาคาร หุ้น การขนส่ง การตั้งบริษัทที่ปรึกษา ตั้งโรงพยาบาล การรับเหมาก่อสร้าง การค้าปลีก ค้าส่ง เช่นไปตั้งห้าง การค้าพลังงาน การท่องเที่ยว ตั้งบริษัทอะไรต่างๆ ไปเปิดสอน ตั้งสถานศึกษาไทยไปลงทุนกันเยอะ
@ คุยกันว่าจะเปิดให้มีการทำงานข้ามประเทศกันได้ 7 สาขา เช่น แพทย์ วิศวะ ทันตแพทย์ พยาบาล
ไม่มีข้อตกลงแบบอียู ไม่มีใครกำหนดการจับปลา ผลิตน้ำมัน สั่งให้รับคนเข้ามาทำงาน รับผู้อพยพอะไรต่างๆ ที่ต่างกับอียูอีกอย่างคือ ประเทศอาเซียนจะทำสัญญาการค้าเสรีกับประเทศไหนก็ได้ กลุ่มไหนก็ได้ แต่ประเทศสมาชิกอียูทำไม่ได้
สัญญา AEC ไม่มีอันตรายอะไรแบบที่อังกฤษเจอ ก็ขื้นอยู่กับว่าสัญญาที่ไปทำไว้นั้นได้เปรียบหรือเสียเปรียบเรื่องอะไร รายละเอียด ต้องประเมินกันทุกระยะแล้วขื้นอยู่กับว่าไทยเราแข่งกับประเทศอื่นได้ไหม
อันตรายอยู่ที่ประเทศที่มาลงทุนอย่างญี่ปุ่น เกาหลี จะมีแผนวางหมากย้ายอะไรไปไว้ที่ไหน และที่น่าสนใจคือแผนของจีน ที่ลึกซื้ง แยบยลมาก อียูก็เหมือนกัน
เรียกว่าประเทศไหนยอมทำตัวเป็นสายเหลือง ยอมให้เข้าประตูหลัง ประเทศอื่นจะแย่เอา รัฐบาลที่แล้วโฆษณาโดยไม่มีเนื้อหา จนประเทศไทย คนไทยหลงไหลฝันหวานเกินกว่าประเทศอื่นไปหลายช่วงตัว ใช้เงินไปเยอะ หลายคนพาลเข้าใจว่าเอาแรงงานเข้ามาทำงานได้ไม่จำกัด ขนเข้ามากันมากมาย ตอนนี้ร่วม 7 ล้านคน รวยส่วยกันเยอะ เรียกว่าค้ามนุษย์ ก็ข้อตกลงธรรมดาๆมาก ผมว่า
คนธรรมดาไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์เท่าไร แต่ช่วยเพิ่มการค้าชายแดนมาก
เทรนด์ตอนหลัง อินโดนีเซีย กับฟิลิปปินส์ไม่ค่อยสนใจ รู้สืกว่าได้ประโยชน์น้อยที่เป็นมรรคผลจริงๆคือ อาเซียนบก ไทย พม่า ลาว เวียดนาม CLMV ที่รัฐมนตรีพาณิชย์ไปตั้งกลุมลับขื้นมา
EU กับ AEC ต่างกันมากเลย