ปฏิรูปตำรวจ : แตะที่ไหนเน่าที่นั่น
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2559 นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ลงชื่อในคำสั่งให้ข้าราช การพลเรือนและตำรวจจำนวน 23 คน ระงับการปฏิบัติราชการ โดยไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม และย้ายให้ไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นในสังกัด เดิมเป็นการชั่วคราว
เหตุผลของการออกคำสั่งนี้คือจึงข้าราชการเหล่านั้นถูกร้องเรียน หรือ กล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของตน หรือมีการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ หรือดำเนินการ หรือไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ จนเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และมีข้อมูลอันสมควรตรวจสอบ
ข้าราชการพลเรือนที่ถูกย้ายครั้งนี้มีจำนวน 6 คน มีตำแหน่งตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด รองอัยการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด และแรงงานจังหวัด
ส่วนข้าราชการตำรวจที่ถูกย้ายนั้นมียศตั้งแต่พลตำรวจโท พลตำรวจตรี พันตำรวจเอก พันตำรวจโท และพันตำรวจตรี เป็นจำนวนถึง 17 คน พล.ต.ท.ที่ถูกย้ายนั้นมีตำแหน่งสูงเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อัน เป็นภาคใต้สุด พล.ต.ต.ที่ถูกย้าย 3 คน คนหนึ่งเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรสาคร คนหนึ่งเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และ อีกคนหนึ่งเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ส่วนนายตำรวจอื่น ๆ ที่ถูกย้าย หลายคนก็มีตำแหน่งในจังหวัดสงขลา และสมุทรสาคร บางคนสังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวและกองบัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
ก่อนหน้าที่หัวหน้า คสช.จะมีคำสั่งย้ายฉบับนี้ เมื่อค่ำวันที่ 29 มกราคม ปีนี้ เจ้าหน้าที่ทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ. รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ จำนวนกว่า 100 นาย บุกเข้าทลายบ่อนการพนันใหญ่กลางนครหาดใหญ่ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งชายและหญิง 125 คน และของกลางเป็นอุปกรณ์ สำหรับใช้เล่นการพนัน กับเงินของกลางเป็นจำนวนถึง 11 ล้านบาท
บ่อนการพนันใหญ่ในจังหวัดสงขลานั้นมีมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้หลายหนหลายแห่ง ครั้งแล้วครั้งเล่า ตำรวจถูกย้าย ถูกตั้งกรรมการสอบสวน แต่ก็ไม่ปรากฏว่าบ่อนหยุดกิจการ หรือจำนวนบ่อนน้อยลง
ส่วนในจังหวัดสมุทรสาครนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับแรงงานพม่าซึ่งเรื้อรังมานานหลายปี และพัวพันถึงทั้งข้าราชการฝ่ายปกครองและตำรวจ สำหรับตำรวจนครบาลนั้น นายตำรวจที่ถูกย้ายตามคำสั่งของหัวหน้า คสช.ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบริการอาบอบนวด “นาตารีเอ็นเตอร์เทนเมนท์” สถานบันเทิงที่ถูกชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมการปกครองและเจ้าหน้าที่ กองอาสารักษาดินแดนบุกเข้าจับกุมฐานนำหญิงต่างด้าวอายุต่ำกว่า 18 ปี มาค้าประเวณี เมื่อวันที่ 6 เดือนนี้ (มิถุนายน 2559)
การออกคำสั่งของหัวหน้า คสช. ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ แก้ปัญหาบุคลากรตำรวจ และคราวนี้กระทำโดยไม่คอยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะได้ผลอย่างใดหรือไม่ก็คงจะต้องคอยดูกันก่อน แต่ผลที่เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน ก็คือ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหน้าที่ซึ่งเกิดขึ้นอย่างกระทันหันไม่มีผู้ใดคาดหมาย การเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมกระทบกระเทือนการบริหารราชการตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างไม่ต้องสงสัย คงต้องมีการแต่งตั้งนายตำรวจอื่นให้ไปปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ที่ถูกย้ายอย่างแน่นอน แต่จะมีใครรับรองได้ว่าผู้ที่ได้รับแต่งตั้งไปทำหน้าที่แทนนั้นจะมีคุณสมบัติและความสามารถครบถ้วนเหมาะสมที่จะทำหน้าที่นั้นเพียงใดหรือไม่ และแม้คำสั่งของหัวหน้า คสช.จะระบุว่าในกรณีที่ีไม่พบความผิด หรือไม่ถึงขั้นต้องดำเนินการทางวินัย ให้ผู้ที่ถูกย้ายและสอบสวนกลับไปดำรงตำแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ผู้ถูกย้ายก็ตกเป็นจำเลยของสังคมแล้ว และความเสียหายทางใจและส่วนตัวของผู้ที่ถูกย้ายก็เกิดขึ้นแล้ว
การทุจริตและหาประโยชน์โดยมิชอบของตำรวจนั้นมีมานานเกินไป และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจะโดยผู้บังคับบัญชาตำรวจเองหรือโดยใช้อำนาจพิเศษก็ตาม จะได้ผลก็แต่เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสังคายนาการบริหารราชการตำรวจทั้งระบบ มิฉะนั้นสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติก็จะยังเป็นขยะหรือสิ่งปฏิกูลกองใหญ่กลางเมืองอยู่ต่อไปเช่นนี้.
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.naewna.com