ไม่อยากเล่นกับไฟแต่ไม่ท้อ...เจ้าของร้านเฟอร์ฯเหยื่อระเบิดเพลิงกลางปัตตานี
"ข้าวของทุกอย่างเสียหายหมด แต่ผมทำอาชีพนี้มากว่า 20 ปี ก็ต้องทำต่อไป ต้องหาที่สำรองไว้ขายก่อนจนกว่าที่นี่จะเรียบร้อย ตอนนี้ต้องรับผิดชอบลูกน้องอีก 3 คนด้วย เพราะเกิดเหตุกะทันหัน เขาไม่มีงาน ไม่มีรายได้ ก็ต้องช่วยเหลือกันไป"
เป็นเสียงของ พิชัย ราชบังสา เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ ห้าแยกสาย ม.อ. ถนนเจริญประดิษฐ์ ในเขตเมืองปัตตานี ที่บอกเล่าถึงผลกระทบหลังร้านถูกเพลิงไหม้จนวอดเมื่อกลางดึกของวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก่อน (18-19 มิ.ย.59)
เรียกได้ว่าแม้จะเกิดเรื่องร้ายๆ แต่ในฐานะคนค้าขาย ก็ต้องสู้กันต่อไปตามมีตามเกิด
ในคืนเกิดเหตุนั้น ยังมีร้าน ส.อะหลั่ยยนต์ ที่ถูกเพลิงไหม้คล้ายๆ กัน และมีเหตุระเบิดเรือประมงอีก 2 จุดด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่านี่ไม่ใช่เพลิงไหม้ธรรมดา แต่น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร้านรวงเก่าแก่ในพื้นที่ปลายด้ามขวานถูกกระทำรุนแรงรูปแบบต่างๆ เช่น วางระเบิด หรือวางเพลิงเผา เพราะตลอด 12 ปีไฟใต้ เรียกได้ว่าร้านค้าแทบทุกชุมชนในเขตเมืองล้วนเคยตกเป็นเป้าหมายหรือได้รับความเสียหายจากการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงมาแล้วทั้งสิ้น
แต่เรื่องราวที่พอเป็นกำลังใจและซ่อนอยู่ในข่าวร้ายๆ ก็คือ มีผู้ประสบภัยน้อยรายมากที่รู้สึกท้อแล้วยอมถอย เพราะส่วนใหญ่เดินหน้าสู้ต่อ ไม่ว่าจะเป็นร้านราชาเฟอร์นิเจอร์กลางเมืองยะลาที่โดนระเบิดและเพลิงไหม้ซ้ำแล้วซ้ำอีกมาหลายรอบ หรือจะเป็นร้านเฟอร์นิเจอร์ของพิชัยในเมืองปัตตานีแห่งนี้ก็ตาม
พิชัย เล่าว่า เขาเปิดร้านขายเฟอร์นิเจอร์โดยเช่าบ้านหลังนี้มานานกว่า 13 ปี ทำมาหากินโดยสุจริตมาตลอด ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับร้านของเขา แต่ก็ถือเป็นความโชคดีในความโชคร้าย เพราะคืนที่เกิดเหตุ ทุกคนกลับบ้านกันหมด จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
“เช้าวันต่อมามีคนมาถ่ายรูปร้านเยอะมาก แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ห้าม ทั้งที่ชั้นบนซึ่งเป็นปูนมีรอยร้าวและพร้อมจะร่วงลงมาเป็นอันตราย กระทั่งวันต่อมาก็ยังไม่มีอุปกรณ์หรือป้ายบอกว่าเป็นเขตอันตราย ห้ามเข้า ผมต้องทำเองทั้งหมด เพราะกลัวคนเข้ามาแล้วอาจได้รับบาดเจ็บ รวมถึงร้านขายอาหารสองร้านที่เช่าหน้าร้านผมขายอยู่ด้วย อุปกรณ์ทำมาหากินของพวกเขาได้รับความเสียหายเกือบหมด ซึ่งควรได้รับการเยียวยาเบื้องต้นเพื่อประทังชีวิตก่อน”
เมื่อถามถึงสาเหตุของเพลิงไหม้ใหญ่ในครั้งนี้ พิชัย บอกว่า ตอนแรกคิดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ ก็พบโทรศัพท์และถ่านแบตเตอรี่จำนวน 6 ก้อน พร้อมคำสรุปจากทางฝ่ายปกครองและตำรวจตรงกันว่า เป็นการวางระเบิดเพลิง
“เขายืนยันว่าเป็นระเบิดเพลิงแน่นอน ไม่ใช่ไฟฟ้าลัดวงจรปกติ” พิชัยเล่าถึงข้อสรุปของเจ้าหน้าที่
“ตอนนี้กำลังประเมินความเสียหายของอุปกรณ์และข้าวของ แยกกับตัวร้าน เพราะคนละเจ้าของกัน (ร้านเป็นของผู้ให้เช่า แต่สินค้าที่เสียหายเป็นของพิชัย) ต้องให้ช่างโยธามาประเมินและดูฐานรากอีกครั้งว่าต้องทุบทำใหม่หรือไม่ ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ คงต้องพูดคุยตกลงกับเจ้าของบ้านอีกที” เจ้าของกิจการเฟอร์นิเจอร์ กล่าว
ด้านตัวแทนเจ้าของอาคารซึ่งไม่ขอเปิดเผยนาม บอกว่า ตอนนี้ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ ต้องรอให้เรื่องราวเรียบร้อยก่อน
ขณะที่เจ้าของกิจการเล็กๆ ที่เช่าพื้นที่หน้าร้านเฟอร์นิเจอร์ จนพลอยได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ไปด้วยอย่าง อับดุลรอเชด และ ไมมูเน๊าะ สีทอง สองสามีภรรยา เล่าว่า ขายข้าวมัน ข้าวหมก ข้าวต้ม และเครื่องดื่มมานานกว่า 9 ปี เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ทำให้อุปกรณ์ในการทำมาหากินของพวกตนเสียหายเกือบหมด จนแทบไร้หนทางทำกินต่อไป
“เรามีอาชีพเดียวของครอบครัว คือขายอาหาร และมีที่นี่เป็นร้านแห่งนี่ของเรา เป็นที่ที่เราช่วยกันทำมาหากินทั้ง 5 คนพ่อแม่ลูก ตอนนี้ลูก 3 คนเรียนชั้นปวส.และปริญญาตรี มีรายจ่ายทุกวัน แต่ไม่มีทุนและอุปกรณ์ทำกิน ไม่รู้ว่าจะได้ขายอีกหรือเปล่า อยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเราด้วย”
อับดุลรอเชด บอกอีกว่า ยังโชคดีที่คืนเกิดเหตุหยุดขาย ไม่เช่นนั้นคงมีการเสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างแน่นอน
นอกจากร้านของอับดุลรอเชดและไมมูเนาะห์แล้ว ยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวของ หามีดะ ยามา อีกร้านที่อยู่ติดกัน ซึ่งอุปกรณ์การทำก๋วยเตี๋ยวก็ได้รับความเสียหายเกือบหมดเช่นเดียวกัน
สมนึก พรหมเขียว นายอำเภอเมืองปัตตานี บอกว่า ได้เร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นก่อน ส่วนความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้พบหลักฐานเชื่อมโยงว่าเป็นการวางเพลิง เนื่องจากพบโทรศัพท์มือถือและถ่านแบตเตอรี่ซึ่งอาจเป็นชนวนระเบิดได้ และอุปกรณ์เหล่านี้มีขนาดเล็ก สามารถพกพาใส่กระเป๋าเสื้อและกางเกงเข้ามาได้โดยไม่เป็นที่สังเกต
การเข้ามาก่อเหตุต้องมีการวางแผน ประกอบกับวันเกิดเหตุไม่มีลูกค้าในร้าน กำลังติดตามผู้ต้องสงสัยจากกล้องโทรท้ศน์วงจรปิดและการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ซึ่งเป้าหมายช่วงนี้เป็นการก่อเหตุในเมือง คนร้ายหาช่องว่างของเจ้าหน้าที่ ซึ่งยอมรับว่ามีช่องว่างอยู่ และเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยทางน้ำ ต้องให้มีเจ้าหน้าที่และเครื่องมือพร้อมกว่านี้เพื่อจะได้มีกำลังดูแลและควบคุมตามแผนพิทักษ์เมือง
สมนึก บอกด้วยว่า ได้ประสานกับประธานชุมชนในเขตอำเภอเมืองปัตตานี เพื่อหาอาสาสมัครในชุมชนช่วยกันดูแลและป้องกันชุมชนเมืองให้ได้ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของรถดับเพลิงให้มีอุปกรณ์ที่สามารถลดความเสียหายของเหตุเพลิงไหม้ได้รวดเร็วกว่านี้
แวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้ไปเยี่ยมเยียนร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกเพลิงไหม้
การมีบุคคลระดับผู้นำศาสนาไปเยี่ยมผู้ประสบภัย สร้างความประทับใจให้กับคนที่แม้อยู่ในห้วงทุกข์
คำกล่าวของ แวดือราแม อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็นอย่างดี...
“คนคือผู้สร้างปัญหา ศาสนาไม่ได้สร้างปัญหาอะไร อยู่ที่การกระทำของแต่ละคน ขอให้กำลังใจแก่ทุกคน และให้เข้าใจว่าศาสนาอิสลามสอนให้ทุกคนทำความดี ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ร้านเฟอร์นิเจอร์กลางเมืองปัตตานีที่ถูกเพลิงไหม้จนต้องติดป้ายเป็นเขตอันตราย
2 พิชัย ราชบังสา
3 อับดุลรอเชด และภรรยา
4 สภาพภายในร้าน
5 ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีเข้าเยี่ยมปลอบขวัญ