สบส. เข้มตัดสิทธิ์ผู้มีคดี“ค้ามนุษย์ ค้ากาม ยาเสพติด เพศ” ห้ามทำธุรกิจสปา
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เคร่งกรองประวัติผู้ขออนุญาตประกอบกิจการสปาเพื่อสุขภาพ ตามพ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ 2559 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลก ต้องขาวสะอาด ไม่เคยต้องโทษ 4 คดีต้องห้าม ส่วนผู้ดำเนินการสปา จะต้องไม่มีคดีเกี่ยวกับทรัพย์ด้วย จะตรวจสอบทะเบียนอาชญากรรมผู้ยื่นขอทุกราย
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่โรงแรมจอมเทียนการ์เดน โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เปิดประชุมเจ้าของธุรกิจสปานวดเพื่อสุขภาพหรือเสริมความงาม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และแกนนำอสม.ในจังหวัด ภาคกลาง 24 จังหวัด ชี้แจงความเข้าใจ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเป็นแนวเดียวกันทั่วประเทศ
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง กล่าวถึงพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 กันยายน 2559 นี้ถือเป็นกฎมายฉบับแรกของโลก ในการควบคุมกำกับ ส่งเสริมมาตรฐานของสถานประกอบการเพื่อสุขภาพที่ถูกต้อง และขจัดธุรกิจที่ไม่ได้มาตรฐานให้หมดไป สร้างจุดแข็งในด้านบริการของไทยให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น ซึ่งผู้ประกอบการ ได้แก่ สปาสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมความงามทั้งรายเก่า และรายใหม่ ปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ ศึกษาแนวทางการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะสปาเพื่อสุขภาพ เป็นบริการขนาดใหญ่ที่สุด และมีบริการในสถานที่หลายเมนู จึงต้องเคร่งครัดเป็นกรณีพิเศษ
"ผู้ที่จะขออนุญาตประกอบกิจการ ต้องมีประวัติความประพฤติขาวสะอาด และต้องไม่เคยต้องโทษ 4 คดีต้องห้าม ดังต่อไปนี้ คือ คดีค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ยาเสพติด และคดีทางเพศ"
อธิบดี สบส. กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุขภาพ จะต้องได้รับวุฒิบัตรหรือประกาศนียบัตรจากสถาบันที่กรมสบส.รับรอง และผ่านการสอบประเมินความรู้ความสามารถ รวมทั้งไม่เคยมีคดีต้องห้าม 5 คดีได้แก่ ค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ยาเสพติด คดีทางเพศและเกี่ยวกับทรัพย์ เพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้รับบริการทั้งไทยและเทศ ว่าเมื่อเข้าไปใช้บริการในสปาแล้ว จะได้รับบริการที่ดีมีคุณภาพมาตรฐาน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และไม่มีบริการอื่นใดๆ แอบแฝงทั้งสิ้น โดยกรมสบส.จะขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบประวัติทะเบียนอาชญากรรมผู้ที่ยื่นขออนุญาตทุกราย หากพบจะเพิกถอนใบอนุญาตตัดสิทธิ์ทันที
ด้านนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2559 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการสปาเพื่อสุขภาพทั้งรายเก่า รายใหม่ ต้องยื่นเรื่องขออนุญาตกับกรมสบส. และที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ พนักงานเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบคุณสมบัติ และประวัติผู้ขออนุญาตอย่างเคร่งครัด โดยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง โรคพิษสุราเรื้อรังหรือติดยาเสพติด ไม่อยู่ในระยะเวลาถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการ หรือหากเคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตจะต้องผ่านมาแล้ว 2 ปีนับถึงวันยื่นขอใหม่ ส่วนกิจการอีก 2 ประเภทคือนวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมความงาม ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนได้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน
สำหรับผู้ดำเนินการสปา ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมมาตรฐานบริการ อุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ ผู้ให้บริการ รวมทั้งดูแลความปลอดภัยผู้รับบริการ จะต้องผ่านการสอบประเมินความรู้ความสามารถการเป็นผู้ดำเนินการสปาก่อน จึงจะมีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนจากกรมสบส. โดยจะจัดสอบประเมินในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2559 ที่กทม. เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ โทรศัพท์ 0 2193 7000 ต่อ 18408 ,18411