"หากลไกปกป้องนักสิทธิฯ" อัญชนาโพสต์เฟซฯหลังเป็นผู้ต้องหาเปิดรายงานทรมานฯ
หลังจากตกเป็น 1 ใน 3 เอ็นจีโอที่ถูก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท และกระทำผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ กรณีร่วมกันเปิดเผยรายงานการซ้อมทรมานผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มิ.ย.59 น.ส.อัญชนา หีมมิหน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ ได้โพสต์ข้อความในเฟชบุ๊คส่วนตัว ระบายความรู้สึกและชี้แจงถึงประเด็นที่ตกเป็นผู้ต้องหา
"ความตั้งใจของข้าพเจ้าคือไม่โพสต์ ไม่คอมเมนต์ FACEBOOK ในช่วงเดือนรอมฎอนที่มีความหมายนี้ แต่เมื่อเริ่มต้นการถือศีลอดก็ได้รับทราบข่าวการแจ้งความโดย กอ.รมน.ภาค 4 ต่อข้าพเจ้าและคุณพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ และคุณสมชาย หอมลออ จากกรณีร่วมกันจัดทำรายงานสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมฯ
หลายคนอาจมองว่าสมควรแล้วที่ข้าพเจ้าจะได้รับผลจากการกระทำของข้าพเจ้าเอง หลายคนอาจจะมองว่าไม่สมควรที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนจะถูกดำเนินคดีเช่นนี้ ข้าพเจ้าเข้าใจดีต่อการการกระทำครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่ เพราะในการประชุมร่วมกันหลายครั้งตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีการระบุถึงการดำเนินคดีกับข้าพเจ้าทุกครั้ง และจากเจ้าหน้าที่ท่านอื่นๆ หรือคนทำงานให้เขา มีคนเตือนข้าพเจ้าให้ระมัดระวังตัวจากการถูกติดตาม มีการใช้เพจสื่อสารในการสร้างความเกลียดชังต่อข้าพเจ้า มีการระบุในที่ประชุมว่าข้าพเจ้าคือผู้ที่ต่อต้านรัฐ
นี่คือบททดสอบที่อัลเลาะห์ได้ให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่า ความรู้สึกของการตกเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นอย่างไร ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจผู้เสียหายที่ถูกดำเนินคดีที่ต้องอยู่ในเรือนจำมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนข้าพเจ้าเพียงเป็นเหยื่อทางอ้อมจากการที่น้องเขยถูกดำเนินคดีความมั่นคงที่ทำให้เข้าใจ และน้องสาวร่วมกันก่อตั้ง "กลุ่มด้วยใจ" เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับดีความมั่นคง อาจเข้าใจจิตใจของคนในครอบครัว แต่ครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจจิตใจของเขาเองอย่างลึกซึ้ง
นี่คือบททดสอบที่ว่าข้าพเจ้าจะปกป้องเหยื่อที่ถูกกระทำทรมานได้หรือไม่
นี่คือบททดสอบของคนทำงานที่จะกล้าหาญทำงานเพื่อประชาชนผู้เสียหายในพื้นที่ที่มีความรุนแรง มีการใช้กฎหมายพิเศษ เยี่ยงนี้ได้หรือไม่
ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์แสดงความห่วงใยและการเสนอความช่วยเหลือต่างๆ ขอบคุณมากค่ะ มันมีความหมายมากเลยสำหรับข้าพเจ้า และเมื่ออ่านข้อคิดเห็นหนึ่งคือ "อย่างนี้งานเข้า จะเดินต่อสู้ไหวไหมครับ" ข้าพเจ้าจึงต้องการบอกกับทุกคนว่า ข้าพเจ้ายังคงยืนอยู่บนเส้นทางการเป็นนักปกป้อง ป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อไป กลุ่มด้วยใจจะยังคงทำงานในการบันทึกข้อมูล ข้อร้องเรียน รับเรื่องร้องเรียนการละเมิดและการช่วยติดตาม เฝ้าระวัง ผู้ที่ถูกควบคุมตัวตามกฎหมายพิเศษ การปกป้องและคุ้มครองเด็กในพื้นที่ขัดแย้ง การเข้าถึงความยุติธรรมต่อไป งานของกลุ่มด้วยใจดำเนินการเพื่อพี่น้องประชาชน และเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้าและกลุ่มด้วยใจ คือ สันติภาพในดินแดนปาตานี
ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่เพียงแต่ข้าพเจ้าและคุณพรเพ็ญ คุณสมชาย เท่านั้น ที่อาจจะเจอบททดสอบแบบนี้ แต่ในพื้นที่ขัดแย้งแบบนี้ ทุกคนอาจจะเจอกับเหตุการณ์นี้ก็เป็นได้ และนั่นก็ทำให้เกิดเสียงเงียบของประชาชน โลกนี้จะมีแต่ความสงบสุข สันติ ไม่มีการละเมิด มีแต่ภาพความเป็นฮีโร่ แต่เสียงเงียบนี้คือความน่ากลัวของไฟที่จะทำลายกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้ ข้าพเจ้าก็เช่นกัน
ข้าพเจ้ามองเห็นว่าเพื่อการป้องกันมิให้เกิดกรณีแบบนี้กับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอีกต่อไป สิ่งที่เราควรจะนำมาเป็นบทที่ทุกคนได้เรียนรู้ก็คือ การเรียนรู้ศึกษากระบวนการยุติธรรมต่อกรณีการฟ้องร้องนี้ การติดตามคดีในทุกขั้นตอนกระบวนการ การสื่อสารต่อสาธารณะ การศึกษากลไกการปกป้องนักสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ขัดแย้ง (Human rights defenders) และในอนาคตเราอาจจำเป็นต้องมีกองทุนเพื่อการปกป้องนักสิทธิมนุษยชนก็เป็นได้
ประการต่อมา เราจะทำงานเพื่อปกป้องผู้เสียหายจากการละเมิดโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไร เราควรจะมีกลไกอย่างไรที่ผู้เสียหายจะกล้าที่จะให้ข้อมูล และไม่ถูกฟ้องร้องว่าให้ข้อมูลเท็จ ในเมื่อการกระทำทรมานเป็นการกระทำในที่ลับ มีผู้กระทำและผู้ถูกกระทำที่รู้เท่านั้น แม้แต่ในชั้นศาล เมื่อผู้ที่ตกเป็นจำเลยในคดีความมั่นคง การบอกเล่าเรื่องการถูกกระทำทรมานในระหว่างการควบคุมตัวศาลก็ไม่รับฟัง ด้วยไม่มีประจักษ์พยาน ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายพิเศษกว่า 37 วัน ถึงแม้ญาติจะเห็นร่องรอยบาดแผล แต่คำบอกเล่านี้ก็ไม่มีผลในชั้นศาล หรือแม้แต่กรณีที่มีการยิงผิดคน ก็ไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ ด้วยเป็นการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายพิเศษ
ข้าพเจ้ายังคงยืนยันที่จะต้องทำงานประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อการทำงานในการให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อไป เมื่อมีการร้องเรียนต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนก็มุ่งหวังที่จะให้เกิดสันติภาพเช่นเดียวกัน แต่อาจเป็นสันติภาพที่มองต่างมุม
ข้าพเจ้ามองเห็นโอกาสที่ดีในอนาคต ที่เราทุกคนที่มีเป้าหมายเดียวกันคือคำว่าสันติภาพ ด้วยการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในการทำงานร่วมกันเพื่อประชาชน และเพื่อการปกป้องซึ่งกันและกัน"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ :
1 ผบ.ทบ.อ้างรักษาเกียรติกองทัพ แจ้งจับ 3 นักสิทธิฯเปิดรายงานซ้อมทรมาน
2 ทหารสวนรายงานซ้อมทรมานมีตัวตนแค่ 18 แถมไม่จริง "พรเพ็ญ"ลั่นสู้ทวงศักดิ์ศรี