จะเปลี่ยนวิกฤตธรรมกายให้เป็นโอกาสได้อย่างไร
วิกฤต ธรรมกายเป็นวิกฤตชาวพุทธไทย ไม่ใช่วิกฤตพุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนาหมายถึง คำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธไทยวิกฤตมากกว่าธรรมกาย และเพราะชาวพุทธไทยวิกฤตจึงเกิดวิกฤตธรรมกาย
วิกฤตธรรมกายเป็นวิกฤตชาวพุทธไทย ไม่ใช่วิกฤตพุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนาหมายถึง คำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธไทยวิกฤตมากกว่าธรรมกาย และเพราะชาวพุทธไทยวิกฤตจึงเกิดวิกฤตธรรมกาย
วิกฤตชาวพุทธไทยเกิดจากความไม่เข้าใจหลักพุทธธรรม และปฏิบัติตามหลักพุทธธรรม ทำให้เกิดความผิดเพี้ยนต่าง ๆนานา
การที่โลกวิกฤตและไม่หายวิกฤตเพราะต้องอยู่กับอำนาจและเงิน
พุทธศาสนาสอนให้ถอนตัวออกจากโลภะ โทสะ โมหะ โดยเรียกทั้ง ๓ นี้ว่าอกุศลมูล ในพระไตรปิฏกเต็มไปด้วยคำสอนให้ละอกุศลมูล เงินเป็นพาหะโลหะ เมื่อเงินมีขนาดใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็ทำให้โลภะใหญ่ขึ้นอย่างสุด ๆ อำนาจและเงินเชื่อมโยงกันไปมา คือใช้อำนาจแสวงหาเงินและใช้เงินแสวงหาอำนาจ เงินและอำนาจนำไปสู่ความรุนแรงหรือโทสะ ทั้งโลภะและโทสะ เกิดจากความหลงผิดไปหรือโมหะ และทั้งโลภะและโทสะทำให้โมหะมากขึ้น โลภะ โทสะ โมหะ จึงสัมพันธ์กันเป็นเกลียว ส่งให้อกุศลมูลมีกำลังมากขึ้น
ต้องแยกระหว่างผู้มีศรัทธาในวัดพระธรรมกายที่มาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ กับผู้มีอำนาจกำหนดทิศทางของธรรมกาย ผู้มาปฏิบัติธรรมก็คงไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดยเห็นว่ามาปฏิบัติสมาธิภาวนาก็เป็นของดี แต่ที่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็เพราะทิศทางของธรรมกายเป็นทิศทางแห่งอำนาจและเงิน ซึ่งไม่ต่างจากแนวคิดแนวทางของมหาอำนาจ
ในครั้งพุทธกาลพระพุทธองค์และพระสงฆ์สาวก เป็นปัญญาชนที่บรรลุธรรมเป็นอิสระ มีความองอาจ มีวิมุติสุข กินน้อยใช้น้อย อยู่ตามโคนไม้และเรือนร้าง สามารถสอนและเป็นตัวอย่างในการดำรงชีวิตให้กับคนทั่วไป ตั้งแต่ยาจกจนถึงเศรษฐีและพระราชา ท่านเป็นอิสระจากรัฐ จะเรียกว่าอยู่เหนือรัฐก็ได้ ไม่มีอำนาจรัฐอะไรจะมาแต่งตั้งท่านเป็นนั้นเป็นนี้
ในอนัตตลักขณสูตรที่ทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ ที่พอสดับจบก็บรรลุเป็นพระอรหันต์มีคำที่เป็นกุญแจอยู่ว่า
เนตัง มะมะ = นั่นไม่ใช่ของเรา
เนโส หะมัสมิ = นั่นไม่ใช่เรา
นะเมโส อัตตาติ = นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา
โดยสรุปหัวใจขอพุทธศาสนาคือการไม่ต้องติดอยู่กับ “ตัวกู ของกู”
ในประเทศไทย โดยประวัติศาสตร์รัฐเข้ามาควบคุมคณะสงฆ์ จัดการปกครองคณะสงฆ์ แบบระบบราชการ พระสงฆ์จึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับอำนาจ ลาภ ยศสักการะ มีเสนาสนะ โออ่า บริบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคแบบวัตถุนิยม และสะสมเงินทองจนร่ำรวยก็มี
ท่ามกลางวิกฤตชาวพุทธไทย ยังนับว่าโชคดีที่มีพระมหาเถระอย่างท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ และพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) ที่ทบทวนหลักพุทธธรรมที่แท้และนำมาเผยแพร่ ที่มีผู้ศึกษาตามจำนวนไม่น้อย สมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ สุวัฒโน) สมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้ถึงพร้อมทั้งทางปฏิบัติและปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา อย่างงดงามยิ่ง ยังมีชาวพุทธอีกจำนวนหนึ่งทั้งพระและฆาราวาส ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เข้าใจหลักพุทธธรรม
ขณะนี้โลกวิกฤตอย่างยิ่ง ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม ไม่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ทั้งระหว่างคนกับคน และระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม ปัจจัยที่ทำให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างสันติคือความเป็นธรรม แทนที่จะมีความเป็นธรรมกลับมีความเหลื่อมล้ำอย่างสุดๆ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษซึ่งได้ชื่อว่ามีความเจริญสูง
ในสหรัฐอเมริกามีผู้เรียกความเหลื่อมล้ำแบบสุด ๆ อย่างปรากฎการณ์ ๙๙:๑ คือการพัฒนาเป็นประโยชน์ต่อคน ๑ เปอร์เซ็นต์ แต่ทอดทิ้งอีก ๙๙ เปอร์เซ็นต์ให้ถดถอย ความเหลื่อมล้ำนำไปสู่ปัญหานานาประการรวมทั้งความขัดแย้งและความรุนแรง ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองและศาสนานำไปสู่การก่อการร้ายสากลและสงคราม ซึ่งบางคนกล่าวว่า บัดนี้ได้เกิดสงครามครูเสดโลกแล้ว ฯลฯ
วิกฤตโลกเกิดขึ้นท่ามกลางความก้าวหน้าทางความรู้และเทคโนโลยีอย่างยิ่ง เช่น ความรู้ ทางใหญ่ที่เกี่ยวกับจักรวาล ความรู้ทางเล็กที่เกี่ยวกับอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม และความรู้เกี่ยวกับดีเอ็นเออย่างอัศจรรย์ ทางเทคโนโลยีก็ถึงกับส่งจรวดไปสู่ดวงดาวต่าง ๆ ความรู้และเทคโนโลยีอันก้าวหน้าอย่างยิ่งยังไม่สามารถทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และไม่มีหวังอันใด ว่าความรู้และเทคโลยีในทำนองเดียวกันที่มากยิ่งขึ้น จะช่วยให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ ตราบใดที่โลภะ โทสะ โมหะ หรืออกุศลมูลยังครอบงำมนุษย์อยู่
มนุษย์ชาติไม่มีทางไปต่อไปด้วยการพัฒนาในระนาบหรือภพเดิม โดยไม่วิกฤตคงต้องหันมามองศักยภาพสูงสุดของความเป็นมนุษย์ (Higheat Human Potential = HHP)
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแม้มีประโยชน์เป็นอันมากยังไม่ใช่ปัญญาสูงสุดของความเป็นมนุษย์
ในทางชีววิทยาแม้มนุษย์เป็นสัตว์และวิวัฒนาการมาจากสัตว์ ดังเช่น มนุษย์กับชิมแปนซีมีดีเอ็นเอที่มี่ความยาว ๓ พันล้านตัวอักษรต่างกันไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ แต่มนุษย์ต่างจากสัตว์อื่น ๆ ที่มีสมองส่วนหน้าที่เรียกว่า cerebral cortex ที่พอกขึ้นมาใหญ่มาก สมองส่วนหน้านี้ทำให้มนุษย์เก่งเหนือสัตว์อื่นๆ มนุษย์ใช้ความเก่งนี้เอาเปรียบสัตว์อื่น ๆ เข้าครอบครองโลกแทนสัตว์และทำลายสัตว์สูญพันธุ์ไปเป็นอันมากและทำลายสิ่งแวดล้อมจนธรรมชาติของโลกแทบสูญสิ้น นอกจากนั้นมนุษย์ยังเอาเปรียบกันเองจนเกิดความขัดแย้งสูญสิ้น นอกจากนั้นมนุษย์ยังเอาเปรียบกันเอง จนเกิดความขัดแย้ง รุนแรง และสงคราม
แต่สมองมนุษย์นอกจากเก่งแล้วยังมีศักยภาพอีกแบบหนึ่งคือศักยภาพด้านดี คือสามารถรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของเพื่อนมนุษย์ และเกิดความเห็นใจ (empathy) และอยากทำเพื่อเพื่อนมนุษย์ (altruism) ดังที่กล่าวว่ามีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีอยู่ในหัวใจ สมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสังคมนี้เรียกว่า social brain เมื่อทำความดีแล้วจะเกิดความปีติ ความอิ่มสมบูรณ์ในตัวเอง จนอาจกล่าวว่ามนุษย์ขาดความดีไม่ได้ จะทำให้ขาดความขาดความสมบูรณ์ในตัวเอง จะเห็นว่าได้ว่ามนุษย์หนีไปหาวัตถุนิยมมากในระยะไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา แม้เรื่องร่ำรวยเงินทองก็รู้สึกขาดความสมบูรณ์ในตัวเอง ต้องไปหาอะไรมาเติม เช่น ยาเสพติด ความฟุ่มเฟือย ความรุนแรง ซึ่งก็ไม่สามารถเติมเต็มให้ชีวิตที่ขาดความสมบูรณ์ในตัวเอง
ธรรมชาติเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง(อนิจจัง) ไปตามเหตุปัจจัยหรือความเป็นเหตุเป็นผล เป็นกระแสของเหตุปัจจัย( อิทัปปัจจยตา) อันไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีตัวตน (อนัตตา) ที่แยกส่วนเป็นเอกเทศความจริงตามธรรมชาติเป็นเช่นนั้นเอง
แต่มนุษย์เพราะความไม่รู้ (อวิชชา) เข้าไปยึดมั่นในตัวตน (อัตตา) ซึ่งทำให้ขัดแย้งกับ
ความเป็นจริง ความขัดแย้งคือทุกขตาอาการของอัตตาก็คือโลภะ โทสะ โมหะ อันก่อให้เกิดความทุกข์แก่ตนเองและผู้อื่น
แต่ศักยภาพสูงสุดแห่งความเป็นมนุษย์คือ ศักยภาพในการเข้าถึงความจริงตามธรรมชาติทึ่ไม่มีอัตตา การเข้าถึงความจริงตามธรรมชาตินี้เมื่อประสบเข้าแล้วมนุษย์ไม่รู้ว่าจะเรียกสภาวะนี้ว่าอะไร จึงเรียกต่าง ๆ กัน เช่น การเข้าถึงสิ่งสูงสุด การบรรลุธรรม(ชาติ) การเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า การเข้าถึงปรมาตมัน การตื่นรู้ (Awakening) การบรรลุความเป็นทิพย์ การเป็นคนใหม่โดยสิ้นเชิง
ผู้ที่เข้าถึงความจริงตามธรรมชาติจะเกิดสภาวะใหม่โดยสิ้นเชิง คือมีความเป็นอิสระ เบาสบาย มีความสุขอันลึกล้ำ ที่เรียกว่าวิมุติสุข ประสบความงามอันล้นเหลือ เพราะความจริงตามธรรมชาติเป็นความงาม เกิดไมตรีจิตอันไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสิ่ง อันเป็นไปเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ปฏิปทาทางพุทธศาสนาที่เรียกว่า สันติวรบทนั้นมุ่งสู่การบรรลุศักยภาพอันสูงสุดของมนุษย์ดังกล่าว ไม่เกลือกกลั้วกับอำนาจและเงิน เส้นทางแห่งศีล สมาธิ ปัญญา นั้นมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ปัญญา หรือการบรรลุความจริง แม้สมาธิเป็นมรรคส่งต่อไปสู่ปัญญาก็ไม่ใช่สิ่งสูงสุดที่อหยุดอยู่ที่นั่น การทำสมาธิแล้วเกิดนิมิตเป็นรูปพระหรือดวงแก้วหรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นเพียงนิมิตไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่กายแห่งธรรมที่ควรยึดติด ดังที่นำมาสอนกันผิดๆ แล้วเกิดข้อถกเถียงว่านิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา แต่ต้องทั้งนิมิตมุ่งสู่ปัญญา
ชาวพุทธไทย ทั้งพระและฆาราวาสทั้งสาวกของธรรมกายหรือมิใช่ ในยามวิกฤตธรรมกายและวิกฤตโลก ถือเป็นโอกาสที่จะทำความเข้าใจหลักพุทธธรรมที่แท้และปฏิปทา เพื่อปูทางไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เรามีวัดทั่วประเทศกว่า ๓๐,๐๐๐ วัด ถ้าทั้งพระและฆาราวาสช่วยกันพัฒนาวัดให้เป็นสัปปายะสถาน และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ร่วมกันของชุมชนในการปฏิบัติที่ทำให้ชุมชนเข้มแข็งมีการพัฒนาอย่างบูรณาการ ทั้งทางเศรษฐกิจ-จิตใจ-สังคม-วัฒนธรรม-สิ่งแวดล้อม-สุขภาพ-การศึกษา-ประชาธิปไตย ชุมชนแห่งการเรียนรู้หรือสังฆะเป็นอุดมการณ์ทางสังคมทางพุทธศาสนา พระสงฆ์ควรปลีกตัวออกจากการเกลือกกลั้วกับอำนาจและเงิน มาอยู่กับพุทธธรรมและความเป็นชุมชน
การศึกษาและปฏิบัติธรรมกับความเข้มแข็งของชุมชนจะส่งเสริมซึ่งกันและกัน
การลดตัวตนเพิ่มความเสมอภาค ภราดรภาพและสามัคคีธรรม
ชุมชนเข้มแข็งคือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ยิ่งส่งเสริมการปฏิบัติธรรม
ชุมชนเข้มแข็งเป็นการปฏิบัติธรรมอยู่ในตัว ยิ่งเสริมด้วยการเจริญสันติสมาธิและปัญญาจะยิ่งเป็นสังคมอาริยะ ผู้คนมีความสุขประดุจบรรลุนิพพาน มีความเป็นไปได้ที่ชุมชนทั้งหมดจะเป็นชุมชนเข้มแข็งและปฏิบัติธรรม เมื่อนั้นจะเกิดสังคมศรีอาริยะ ที่ไปพ้นวิกฤตโลกอย่างที่เผชิญอยู่
โอกาสอันยิ่งใหญ่ยืนอยู่ต่อหน้าชาวพุทธไทย