เปิด 9 คดียักยอก-ฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่นฯ-เครือข่ายธรรมกายหมื่นล.ก่อนจับ'ธัมมชโย'

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 07 มิถุนายน 2559 เวลา 15:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | ข่าวบุคคลดัง | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

คดียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น | คดีฟอกเงิน | นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น | ดีเอสไอ

เปิด 9 คดียักยอกทรัพย์-ฟอกเงิน สหกรณ์คลองจั่นฯ ในมือดีเอสไอ ก่อนเตรียมจับ 'พระธัมมชโย' พบข้อหายักยอกทรัพย์ 3 คดี เอาผิด ม.157 จนท.กรมส่งเสริมสหกรณ์-กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ข้อหาฟอกเงิน 5 คดี รวมความเสียหายทั้งหมดพุ่งเฉียด 2 หมื่นล้าน

PIC sahakorndsi 7 6 59 1

หนึ่งในประเด็นที่สาธารณชนกำลังให้ความสนใจ รวมถึงสื่อมวลชนที่ตีข่าว-พาดหัวขึ้นหน้าหนึ่งในรอบเดือนที่ผ่านมา หนีไม่พ้นกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะจับกุม 'พระธัมมชโย' เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตามหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน-ร่วมกันรับของโจร ซึ่งพัวพันกับกรณียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้หรือไม่

อย่างไรก็ดีกรณีของพระธัมมชโยนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่พัวพันกับการยักยอกทรัพย์สินสหกรณ์ฯ ที่มีมูลค่าความเสียหายรวมเฉียด 2 หมื่นล้านบาท ?

เพราะจากการตรวจสอบของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org พบว่า มีอย่างน้อย 9 คดี (เท่าที่ตรวจสอพบ) ที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์สินสหกรณ์ฯ มือของ 'ดีเอสไอ' สรุปได้ ดังนี้

แยกเป็น 2 กรณี ได้แก่ คดียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์ฯ-ฉ้อโกง-ปลอมเอกสารสิทธิ-เจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และคดีฟอกเงิน-รับของโจร

สำหรับคดียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์ฯ มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ 4 กรรม ดังนี้

หนึ่ง กรณีนายพิษณุ ชีวะสิทธิ์ กับพวก ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายศุภชัย น.ส.ศรัณยา มานหมัด นายลภัส โสมคำ และนายกฤษฎา บุญมาก (ทั้งหมดเป็นอดีตกรรมการ และอดีตสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น) ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์สิน ทำให้เกิดความเสียหาย 13,334,158,975 บาท (ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท)

ปัจจุบันดีเอสไอได้สรุปสำนวน และมีความเห็นสั่งฟ้องในคดีดังกล่าว พร้อมส่งสำนวนให้อัยการไปแล้วในช่วงเดือน ก.พ. 2557 อย่างไรก็ดีพนักงานอัยการมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มในหลายประเด็น โดยมีประเด็นสำคัญคือ รายละเอียดของเช็คจำนวน 787 ฉบับ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้สอบสวนเพิ่มเติมและทยอยส่งผลการสอบสวนให้พนักงานอัยการไปแล้วในช่วงเดือน พ.ย. 2558

ต่อมาในช่วงเดือน ม.ค. 2559 คณะพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องนายศุภชัย นายกฤษฎา กับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องรวม 4 ราย ในข้อหายักยอกทรัพย์สินและปลอมแปลงเอกสารสิทธิ

พร้อมกับแนะนำให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายศุภชัยฐานฟอกเงิน เนื่องจากได้นำเช็ค เงินสด หรือทรัพย์สินอื่นที่ได้มาจากการกระทำความผิดไปโอนมอบให้บุคคลอื่นด้วย (ปัจจุบันดีเอสไอดำเนินคดีฟอกเงินกับนายศุภชัยแล้ว)

สอง กรณีที่นายสมาน ครองเมืองกับพวก รวม 2,205 คน (สมาชิกสหกรณ์ฯ) และนายไพโรจน์ จำลองราษฎร์ ผู้รับมอบอำนาจจากสหกรณ์ฯ (ชุดเก่า) ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายศุภชัย กับพวก ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ทำให้เกิดความเสียหาย 6,866,060,587 บาท (ประมาณ 6.8 พันล้านบาท)

ปัจจุบันดีเอสไอได้สรุปสำนวน และมีความเห็นสั่งฟ้องนายศุภชัย กับพวกรวม 12 คน ในข้อหาดังกล่าว และได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการแล้วตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2558 นอกจากนี้ในระหว่างการสอบสวนได้อายัดที่ดินจำนวน 9 รายการไว้ด้วย

สาม กรณี น.ส.สุดาภรณ์ กองธรรม ผู้รับมอบอำนาจจากสหกรณ์ฯ (ชุดชั่วคราว) ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายศุภชัย ในข้อหายักยอกทรัพย์สิน ทำให้เกิดความเสียหาย 27,642,000 บาท (ประมาณ 27 ล้านบาท)

ปัจจุบันคดีนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกนายศุภชัยแล้ว โดยมีความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 8 กระทง จำคุกกระทงละระหว่าง 3-5 ปี รวมจำคุก 32 ปี อย่างไรก็ดีนายศุภชัยได้ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา (แต่ในชั้นการสอบสวนของดีเอสไอนายศุภชัยให้การปฏิเสธ) ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 16 ปี ไม่รอลงอาญา

สี่ กรณีนายอิสระ เอี่ยมดิลกวงศ์ ผู้รับมอบอำนาจจากสหกรณ์ฯ (ชุดปัจจุบัน) ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้นายศุภชัย สามารถยักยอกทรัพย์สินได้

ปัจจุบันดีเอสไอพบว่า นายทะเบียนสหกรณ์เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง มีพฤติการณ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. 2558

ส่วนคดีฟอกเงิน-รับของโจร ปัจจุบัน ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนและมีการกล่าวหาบุคคล 2 ราย รวม 5 กรรม ได้แก่

นายศุภชัยถูกกล่าวหา 4 กรรม คือ

หนึ่ง ดีเอสไอพบว่า มีการโอนเงินที่ยักยอกมาจากสหกรณ์ฯ โดยสั่งจ่ายเช็คให้แก่นายสถาพร วัฒนาศิรินุกูล (อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย) ต่อมานายสถาพร ได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อทรัพย์สินซึ่งเป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง และรถยนต์ รวมถึงปืน ในนามของตนเอง และในนามของบริษัท เอสดับบลิวโฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ทำให้เกิดความเสียหาย 250 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ปัจจุบันสอบพยานไปแล้ว 19 ปาก คงเหลือประมาณ 5 ปาก

(อ่านประกอบ : หลักฐานมัด"ศุภชัย"ขนเงินสด1.1 พันล.จ่ายบ.อดีตพระธรรมกาย ก่อนโดนอายัด, แกะรอย"อดีตพระธรรมกาย"เพิ่งสึกใหม่!ไฉนมีเงินสด3.8พันล.ตั้งบ.อสังหาฯ, 1.64 หมื่นล้าน! ขุมธุรกิจ "อดีตพระธรรมกาย" ขนเงินลงทุน7บริษัท, ข้อมูลลับปปง.! เส้นทางเงิน 100ล. อดีตพระธรรมกาย โผล่ลาว ตามคืนไม่ได้แล้ว?, ข้อมูลใหม่ อดีตพระธรรมกาย ซุกตัวแฟลตทหาร โผล่ตั้งบ.ในลาว คนแห่เรียก"บอส")

สอง ดีเอสไอพบว่า นายศุภชัย ได้นำเงินจำนวนหนึ่งซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการยักยอกทรัพย์สินสหกรณ์ฯ ไปซื้อที่ดินใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในนามของตนเอง และได้ขายที่ดินจำนวน 8 แปลง ให้กับ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน และอีก 1 แปลง ให้กับนางวรรณา จิรกิตติ ทำให้เกิดความเสียหาย 300 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฟอกเงิน ปัจจุบันสอบพยานไปแล้ว 14 ปาก คงเหลือประมาณ 5 ปาก

สาม ดีเอสไอพบว่า นายศุภชัย นำเงินจำนวน 321.4 ล้านบาท โดยสั่งจ่ายเป็นเช็ค 10 ฉบับ ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการยักยอกทรัพย์สินสหกรณ์ฯ ไปซื้อหุ้นบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด ทำให้เกิดความเสียหาย 320 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฟอกเงิน ปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน โดยกรณีนี้ดีเอสไอได้อายัดที่ดินจำนวน 10 รายการด้วย

สี่ เป็นคดีล่าสุดที่ดีเอสไอเพิ่งรับเข้าเป็นคดีพิเศษคือ กรณีนายศุภชัย ขายที่ดิน 1,838 ไร่ วงเงินกว่า 477 ล้านบาท ให้กับบริษัท พิษณุโลกเอทานอล จำกัด อาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง พบข้อพิรุธ และข้อขัดแย้งในคำสั่งต่าง ๆ มากมาย และมีเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ และจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

(อ่านประกอบ : ขมวดเงื่อนปมซับซ้อน! การขายที่ดิน‘ศุภชัย’ 477 ล.ชดใช้หนี้คดีคลองจั่น)

กรณีพระธัมมชโย (ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร) เนื่องจากได้รับเช็คจำนวนกว่า 2 พันล้านบาท (ตามการสอบสวนของดีเอสไอ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.) ซึ่งในส่วนของพระธัมมชโยนั้น อยู่ระหว่างดีเอสไอดำเนินการตามหมายจับ เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา และชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

รวมทั้งหมด 9 คดี แบ่งเป็น คดียักยอกทรัพย์สิน-ฉ้อโกง-ปลอมแปลงเอกสารสิทธิ และเจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 4 คดี และคดีฟอกเงิน-รับของโจร 5 คดี

รวมมูลค่าความเสียหายเฉพาะคดียักยอกทรัพย์สินประมาณ 1.98 หมื่นล้านบาท ส่วนคดีฟอกเงินมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 820 ล้านบาท (ไม่นับรวมความเสียหายกรณีพระธัมมชโยที่อยู่ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหา และคดีนายศุภชัยขายที่ดิน ที่อยู่ระหว่างสอบสวน)

หากรวมความเสียหายทั้งหมดประมาณเกือบ 2 หมื่นล้านบาท !

ทั้งหมดเป็นบทสรุป-ข้อมูลข้อเท็จจริงในคดีต่าง ๆ ที่พัวพันกับการยักยอกทรัพย์สิน-ฉ้อโกง-ฟอกเงิน ซึ่งอยู่ระหว่างการไต่สวนของดีเอสไอ

ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น 'ปฐมบท' ต้นเหตุที่ทำให้พระธัมมชโยต้องเผชิญ 'วิบากกรรม' อยู่ในขณะนี้

ท่ามกลางสังคมไทยกำลังโฟกัสว่า ดีเอสไอ จะจับกุมพระธัมมชโย เพื่อเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาได้หรือไม่ ?

อย่างไรก็ดีปฏิเสธไม่ได้ว่า กรณีของ 'พระธัมมชโย' เป็นเพียงแค่ 'เศษเสี้ยว' หนึ่งของคดียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่พบว่าเป็นคดีที่ 'ใหญ่' มีบุคคลหลากหลายสาขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการได้รับเงินจากนายศุภชัยเป็นจำนวนมาก และดีเอสไอได้อายัดทรัพย์สินไว้หลายรายการ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการสางคดีดังกล่าวให้จบสิ้น

อ่านประกอบ :