การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Reform) เพื่อแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง
โครงการนี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จในการพัฒนาประสิทธิภาพของรัฐในการให้บริการประชาชนตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการฯ และ พ.ร.ฎ. การทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายขฯ ที่ต้องการอำนวยความสะดวก ลดภาระให้กับประชาชน ลดปัจจัยเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดคอร์รัปชัน
โครงการ “สังคายนากฎหมาย” (Regulatory Guillotine) เป็นหนึ่งในความพยายามปฏิรูปกฎหมาย ด้วยการปรับปรุงระบบกฎหมายและยกเลิกกฎหมายบางส่วน จากที่มีอยู่ทั้งสิ้นประมาณหนึ่งแสนฉบับในเวลานี้ ให้มีแต่กฎหมายที่ “ง่าย ชัดเจน ไม่เป็นภาระและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”
การดำเนินงานจะมีการประเมินความเหมาะสมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชน นักธุรกิจและนักวิชาการอย่างเท่าเทียม ทั้งในมุมมองของกฎหมาย เศรษฐกิจและการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน เป็นต้น และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกอย่างจะยืนอยู่บนหลักการ มิใช่ว่าใครชอบหรือใครได้ประโยชน์ ดังนั้นบรรดา “กฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่งหรือประกาศ” ต่างๆ นั้นจะต้องถูกพิจารณาด้วยกฎเกณฑ์อย่างชัดเจนว่า
1. ออกมาบังคับใช้โดยถูกต้อง มีกฎหมายรองรับและผู้ออกมีอำนาจที่จะกระทำเช่นนั้นหรือไม่
2. ความจำเป็นในการออกกฎหมาย/มาตรการเช่นนั้นยังคงมีอยู่หรือไม่ในสภาพสังคมและเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจปัจจุบัน
3. หากความจำเป็นยังมีอยู่ กฎหมาย/มาตรการนั้นยังเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพหรือเหมาะสมที่สุดหรือไม่ ที่ผ่านมาได้เกิดประโยชน์หรือมีการบังคับใช้อย่างได้ผลหรือไม่ เพียงใด
4. เปิดช่องให้เกิดการคอร์รัปชันหรือไม่
รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการอำนวยการระดับสูงที่มีอำนาจ (Authority) กำหนดนโยบายและสั่งการข้ามหน่วยงานได้ โดยทุกคนต้องมีความเข้าใจและมุ่งมั่น (Political Will) ที่จะให้โครงการนี้บรรลุเป้าหมายในเวลาที่กำหนดในเฟสแรกของโครงการจะเป็น “การศึกษาเพื่อยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคด้านเศรษฐกิจและการทำมาค้าขายของประชาชนและนักลงทุนทุกระดับ” ซึ่ง สนง. กพร. เคยศึกษาพบว่ามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากกว่า 200 ฉบับและเมื่อรวมกฎหมายทุกระดับและเทศบัญญัติที่เกี่ยวข้องด้วยแล้วอาจมากถึง 3,000 – 5,000 ฉบับ จากนั้นจึงขยายผลไปดำเนินการสังคายนาเฟสต่อไปในประเด็นสำคัญอื่นๆ
เพื่อให้โครงการนี้เป็นไปอย่างถูกต้องด้วยกระบวนการที่เป็นสากล จึงมีการจ้างบริษัท Jacobs, Cordova & Associates ผู้นำกระบวนการ (Facilitator) มืออาชีพที่มีประสพการณ์ด้านการปฏิรูปกฎหมายในกว่า 30 ประเทศ และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) มาเป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยตั้งเป้าว่าโครงการยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจการค้านี้ จะได้ข้อสรุปภายใน 12-14 เดือนหรือเดือนสิงหาคม 2560 เป็นอย่างช้า
การขับเคลื่อนโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายฝ่ายในรูปของ “คณะทำงานสังคายนากฎหมาย (Regulatory Guillotine)” ที่มี ดร. ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสานพลังประชารัฐ ด้านการปรับแก้กฎหมายและกลไกภาครัฐ (Enable Driven – E4)
เชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จในการพัฒนาประสิทธิภาพของรัฐในการให้บริการประชาชนตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการฯ และ พ.ร.ฎ. การทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายฯ ที่ต้องการอำนวยความสะดวก ลดภาระให้กับประชาชน ลดปัจจัยเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดคอร์รัปชัน
ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)