ศูนย์ประสานงานฯ ชาวอุดมศึกษา เสนอแก้กฎหมายลงโทษ “โกงสอบ”
เลขาธิการ CHES ชี้เทคโนโลยีการโกงสอบถูกพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่กฎหมายที่มีผลบังคับลงโทษของประเทศไทยยังไม่มี จี้เร่งแก้ไขด่วน ยันในต่างประเทศ มีการดำเนินการป้องกันและลงโทษเรื่องนี้อย่างจริงจัง
จากกรณีการทุจริตสอบคัดเลือกเข้าเรียน คณะเเพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยรังสิต จนนำไปสู่การประกาศยกเลิกการสอบในที่สุด โดยกลโกงสอบคัดเลือกครั้งนี้ มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาดำเนินการ และมีการวางแผนทำเป็นขบวนการ แม้มหาวิทยาลัยได้แจ้งความดำเนินคดี ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถตั้งข้อกล่าวหาได้ ทำได้เพียงส่งเรื่องให้มหาวิทยาลัยดำเนินการตามระเบียบของมหาวิทยาลัย
เรื่องนี้ รศ. ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะเลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ หรือ Coordinating Center for the Public Higher Education Staff (CHES) กล่าวว่า ต้องเสนอให้ภาครัฐแก้กฎหมายเกี่ยวกับการทุจริตทางด้านการศึกษาโดยด่วน ทั้งนี้จะเห็นว่า การโกงสอบ ยังไม่ปรากฏว่ามีฐานความผิดจากกฎหมายอาญาฉบับใดเอาผิดได้เลย.. ยกเว้นการเอาผิดทางอ้อม เช่น ผู้ว่าจ้างกับผู้สถาบันกวดวิชา ผิดใจกันเอง
เนื่องจากเบี้ยวจ่ายหรือค้างชำระค่าจ้างโกงสอบ ก็แจ้งความดำเนินคดีอาญาเรื่องหลอกลวงทรัพย์อีกอย่างคือ มหาวิทยาลัยหรือผู้เข้าสอบคนอื่นๆต้องมาฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งแทน ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก และการจ้างวานให้กระทำการอันขัดต่อกฎหมายนั้น ก็ไม่อาจเรียกให้อีกฝ่ายชำระหนี้จากการกระทำนั้นๆได้ ซึ่งช่องว่างของกฎหมายการลงโทษที่เบา ก็เป็นอีกเหตุผลที่จะสนับสนุนการโกงสอบในทุกระดับเพิ่มขึ้นอีกต่อไป ด้วยคนโกงสอบด้านการศึกษา จะยิ่งเหิมเกริมและกระทำซ้ำไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีการลงโทษอย่างจริงจัง
รศ. ดร. วีรชัย กล่าวต่อว่า เทคโนโลยีการโกงสอบ ได้ถูกพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่กฎหมายที่มีผลบังคับลงโทษของประเทศไทยยังไม่มี จึงต้องเร่งแก้ไขด่วน ในต่างประเทศ มีการดำเนินการป้องกันและลงโทษเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเทคโนโลยีต่างๆไปไกลมาก ล่าสุดมีกล้องถ่ายภาพจากคอนแทคเลนส์ผลิตออกมาแล้ว การตรวจอุปกรณ์โกงสอบอย่างที่เคยปฏิบัติอาจใช้ไม่ได้ผล และระยะนี้เป็นโอกาสดี ที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยใหญ่ๆหลายแห่ง เป็นคณะกรรมการอยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคาดหวังว่า เรื่องนี้จะถูกหยิบยกมาหารือเพื่อหาทางแก้กฎหมายในอนาคตต่อไป