ชาวสวนสามพราน ร้องรง.บรั่นดี รุกล้ำลำคลอง- อบต.บ้านใหม่โร่แจ้งความแล้ว
ชาวสวนสามพราน พาสื่อล่องเรือพายดูคลองบางประแดง ร้องรง.บรั่นดี สร้างเขื่อนเกินพื้นที่ ด้านอบต.บ้านใหม่โร่แจ้งความแล้ว ยันที่ผ่านมาพยายามไกล่เกลี่ย สอบเขตรังวัด ส่งหนังสือให้หยุดก่อสร้างไว้ก่อน แต่ไร้ผล
จากกรณีมีชาวบ้านบางประแดง หมู่ 2 และหมู่ 3 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนผลไม้ รวมตัวร้องเรียนไปยังหน่วยงานราชการหลายแห่งว่า บริษัท โรงงานสุราพิเศษสุวรรณภูมิ จำกัด ประกอบกิจการผลิตบรั่นดี ทำเขื่อนรุกล้ำลำคลองบางประแดง และไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าขุดลอกคูคลองนั้น
นายสมชาย ภู่ทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราถึงกรณีดังกล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ทางอบต.บ้านใหม่ ได้ให้เจ้าหน้าที่นิติกร แจ้งความไว้ที่ สภ.สามพราน กรณีโรงงานดังกล่าวบุกรุกคลองสาธารณะอันใช้ประโยชน์ร่วมกัน
"กรณีนี้ เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2555 ก่อนที่ผมเข้ามารับตำแหน่ง ได้มีการอนุญาตก่อสร้างเขื่อนเอาไว้ จากนั้นบริษัทก็มีการก่อสร้างกันเรื่อยมา จนมีการร้องเรียนร้องจากชาวบ้านการก่อสร้างได้รุกล้ำเข้าไปในลำคลองบางประแดง ผมพร้อมผู้อำนวยการกองช่าง กรมโยธาธิการ ดำเนินการเข้าตรวจสอบ ได้มีการเรียกประชุมชาวบ้านรับทราบปัญหาความเดือดร้อน และไกล่เกลี่ย พร้อมมีข้อเสนอให้ทำได้ แต่คลองบางประแดงต้องให้กว้างอย่างน้อย 6 เมตร และให้กันจากเขื่อนเข้าไปในที่อีก 3 เมตร เพื่อบริษัทเวลาทำกำแพงให้ไปทำกำแพงตรง 3 เมตร มติเป็นเช่นนั้น
จากนั้น ก็มีการเรียกประชุมชาวบ้าน ทหาร กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า อำเภอ อีกครั้งหลังจากชาวบ้านพบอีกว่า การก่อสร้างกำแพงเขื่อนได้รุกล้ำลำคลอง ก็ได้ข้อสรุปให้ทางบริษัทยื่นขอสอบเขตรางวัด ซึ่งขณะนี้ได้มีการรังวัดไปแล้ว"
นายสมชาย กล่าวอีกว่า คลองบางประแดง ตั้งแต่อดีตที่ผ่านไม่เคยมีการรังวัดมาเลย ปัจจุบันกรมที่ดินเมื่อได้รังวัดไปแล้วกว่า 1 เดือนก็ยังไม่ชี้ชัดเป็นลายลักษณ์อักษรออกมา ส่วนทางบริษัทเองก็ไม่ได้มีการหยุดก่อสร้างกำแพงเขื่อน แม้ทางอบต.บ้านใหม่ได้ทำหนังสือให้ระงับการก่อสร้างไปถึง 2 ครั้ง เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นอีก ต่างคนต่างไม่ยอม จึงได้ตัดสินใจมอบอำนาจให้นิติกร แจ้งความดำเนินคดีเอาไว้ก่อนเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา
"เราพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อให้มีข้อพิพาทกัน ให้ชุมชนและบริษัทอยู่ได้ เพราะลำคลองสาธารณะใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตามหลักกฎหมายไปรุกล้ำลำน้ำเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่ดินของบริษัทจะทำอะไรก็ได้ แต่คลองไม่สามารถไปขุดหรือกลบสภาพคลองเดิมได้ "
นายสมชาย กล่าวถึงคลองบางประแดง ความยาวกว่า 3 กิโลเมตร เป็นคลองแห่งเดียวที่มีปัญหาเหมือนแกะดำ ไม่มีประตูระบายน้ำ เกิดน้ำท่วมเกือบทุกปี ต้องใช้งบฯ ประมาณไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนบาท ซื้อกระสอบทราบมาป้องกันให้เกษตรกร ซึ่งที่ผ่านมาการก่อสร้างประตูระบายน้ำ คลองบางประแดง ได้ประสานงานให้กรมชลประทานเข้าไปก่อสร้างมาตลอด แต่บริษัทไม่อนุญาตเข้าพื้นที่ โดยขอก่อสร้างประตูระบายน้ำขึ้นเอง ซึ่งทางอบต.บ้านใหม่ได้สั่งให้บริษัทแก้ไขขยายประตูระบายน้ำกว้าง 6 เมตร จากปัจจุบันอยู่ 5.50 เมตร
"ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ประโยชน์จากประตูน้ำดังกล่าว ทั้งป้องกันน้ำเค็มรุก และช่วงหน้าน้ำ ป้องกันน้ำท่วม หรือช่วงน้ำทะเลหนุน" นายสมชาย กล่าว พร้อมแสดงความเห็นปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว เกิดมาจากที่เราไม่เคารพกฎหมายกัน
เมื่อถามถึงการขุดลอกคลองบางประแดง นายกอบต.บ้านใหม่ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้เหตุผลกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างเขื่อน เกรงว่าจะทำให้เขื่อนพัง จึงให้ชะลอไว้หากสร้างเขื่อนเสร็จจะขุดลอกคูคลองให้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันที่อบต.บ้านใหม่ ให้เจ้าหน้าที่นิติกรเข้าแจ้งความ เป็นวันเดียวกับที่ชาวบ้านนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ ล่องเรือพายไปตามลำคลองบางประแดง ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร จนสุดประตูระบายน้ำ ซึ่งติดแม่น้ำท่าจีน พร้อมนายสมบัติ พวงสมบัติ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครปฐม โดยชาวสวนพื้นที่ด้านในยังคงใช้น้ำจากคลองสาธารณะแห่งนี้เพื่อเกษตรกรรม อาทิ สวนมะม่วง ฝรั่ง ชมพู่
ภาพที่ชาวบ้านถ่ายเก็บไว้
คลองบางประแดง กับการขุดคลองเปลี่ยนสภาพ
ภาพถ่ายร้องผอ.โครงการส่งน้ำ