ป.ป.ช.แพร่มติฟัน 18 นักการเมืองท้องถิ่น 10 จว.ไม่ยื่นทรัพย์สิน ชงศาลฎีกาฯเชือด
ป.ป.ช.แพร่มติฟัน 18 ราย นักการเมืองท้องถิ่น 10 จังหวัด จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ‘กาญจนบุรี’ มากสุด 6 ราย รองนายก อบจ.สมุทรสงคราม โดนด้วย-ฟัน จนท.กรมศุลฯ รวยผิดปกติ 3.8 ล้าน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในช่วงเดือน เม.ย. 2559 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนักการเมืองท้องถิ่น กรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. จำนวน 18 ราย ได้แก่
1. จังหวัดสมุทรสงคราม : จำนวน 1 ราย คือนางสาวศิริวรรณ ตันประเสริฐ รองนายก อบจ.สมุทรสงคราม จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
2. จังหวัดนครปฐม : จำนวน 1 ราย คือนายภูวกร ตันบุญเอก เลขานุการนายก อบจ.นครปฐม จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี (ครั้งที่ 1) รวมทั้งกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี (ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3) และกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี (ครั้งที่ 4)
3. จังหวัดกาญจนบุรี : จำนวน 6 ราย คือ
(1) นายจิระนันท์ ตัณฑะเตมีย์ รองนายก อบต.พังตรุ อ.ท่าม่วง จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
(2) นายธีระศักดิ์ วารีนิล รองนายก อบต.ทุ่งทอง อ.ท่าม่วง จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
(3) นายภูดิศ จำเริญรักษา เลขานุการนายก อบต.บ้านใหม่ อ.บ้านม่วง จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลา ที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี (ครั้งที่ 1) และกรณีเข้ารับตำแหน่งครั้งที่ 2
(4) นายนภดล ไพรวัลย์ เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลท่ามะกา อ.ท่ามะกา จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่ง
(5) นายกรรณณัฐฏ์ เจนประเสิฐ (ชื่อเดิมนายอนุชา เจนประเสริฐ) เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลลูกแก อ.ท่ามะกา จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
(6) นายธนวัฒน์ ชินหอม (ชื่อเดิมนายฉลอง) เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลหวายเหนียว อ.ท่ามะกา จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี (ครั้งที่ 1) และกรณีข้ารับตำแหน่งครั้งที่ 2
4. จังหวัดสุพรรณบุรี : จำนวน 3 ราย คือ
(1) นายศิรวิชญ์ ภู่วงศ์ นายก อบต.วังยาว อ.ด่านช้าง จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
(2) นายพงศ์พันธุ์ หิรัญรัตน์ รองนายกเทศมนตรีตำบลอู่ทอง อ.อู่ทอง จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลา ที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
(3) นายไพฑูรย์ ไพบูลย์ผล ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลอู่ทอง อ.อู่ทอง จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลา ที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่ง
5. จังหวัดฉะเชิงเทรา : จำนวน 1 ราย คือ นายซะฮาบุตดีน มัดลัง เลขานุการนายก อบต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
6. จังหวัดหนองคาย : จำนวน 1 ราย คือ นายจิรโรจน์ บวรฐิติไพศาล นายก อบต.สังคม อ.สังคม จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีเข้ารับตำแหน่ง
7. จังหวัดชัยภูมิ : จำนวน 2 ราย คือ
(1) นายณัฐศักดิ์ รักษาชน รองนายก อบต.นางแดด อ.หนองบัวแดง จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่ง มาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
(2) นายสุพล จันทร์เภา ที่ปรึกษานายก อบจ.ชัยภูมิ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
8. จังหวัดบุรีรัมย์ : จำนวน 1 ราย คือ นายเสกสรร เพ็ญสุข สมาชิกสภา อบจ.บุรีรัมย์ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
9. จังหวัดนครราชสีมา : จำนวน 1 ราย คือ นางวัลลภา ใจดี เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลพิมาย อ.พิมาย จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
10. จังหวัดชุมพร : จำนวน 1 ราย คือ นายธิติวัฒน์ ฐิติภัคกุลพงศ์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองชุมพร จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
นอกจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติชี้มูลความผิด นายประสิทธิ์ ชัยเขื่อนขันธ์ เจ้าหน้าที่ประเมินอากร 4 กรมศุลกากร ว่าร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติหรือเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ได้แก่ บ้านเลขที่ 98/24 ม. 12 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ 89997 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มูลค่า 3,800,000 บาท และให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน และส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อสั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก