ก.ศป.ยุติการสอบสวนวินัย 'หัสวุฒิ' ทุกคดีหลังถึงแก่กรรรม
สำนักงานศาลปกครอง เผยแพร่มติ ก.ศป.ยุติการสอบสวนวินัย 'หัสวุฒิ' ทุกคดีหลังถึงแก่กรรรม เหตุคกก.สอบข้อเท็จจริงหลายคดีไม่อาจพิจารณาชี้มูลต่อไปได้
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า สำนักงานศาลปกครอง ได้เผยแพร่ข่าวศาลปกครอง เรื่องการพิจารณาเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการสอบข้อเท็จจริงและสอบสวนทางวินัยกับนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา (อ่านประกอบ : 'หัสวุฒิ' อดีตปธ.ศาลปกครองสูงสุด ถูกโรคมะเร็งคร่าชีวิต)
ระบุว่า คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ในการประชุมครั้งที่ ๒๐๕-๗/๒๕๕๙ เมื่อวันพุธที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ ได้พิจารณาเรื่องที่ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการสอบข้อเท็จจริงและสอบสวนทางวินัยกับนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด ดังนี้
๑. การสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการกล่าวหาว่า นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด มีพฤติกรรมที่อาจถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง
คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการกล่าวหาว่า นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด มีพฤติกรรมที่อาจถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่งในหลายข้อกล่าวหา นั้น คณะกรรมการ สอบข้อเท็จจริงได้เสนอผลการสอบข้อเท็จจริงต่อ ก.ศป. แล้วจำนวน ๓ ข้อกล่าวหา ดังนี้
(๑) การเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ศาลปกครองพิษณุโลก และยกยอดฉัตรทองคำลูกแก้ว ณ วัดพิพัฒน์มงคล จังหวัดสุโขทัย ซึ่ง ก.ศป. ได้มีมติว่าข้อเท็จจริงมีมูลและให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว
(๒) การกล่าวหานายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ว่ามีสติไม่สมประกอบคลั่งพลังจิต ซึ่ง ก.ศป. ได้มีมติว่าข้อเท็จจริงไม่มีมูลและให้ยุติเรื่อง
และ (๓) การกล่าวหานายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ขณะดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดว่าใช้รถยนต์ส่วนกลางไม่ชอบด้วยระเบียบ ซึ่ง ก.ศป. ได้มีมติว่าข้อเท็จจริงมีมูลและให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว
ต่อมาคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงต่อ ก.ศป. ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นอีกจำนวน ๒ กรณี ได้แก่ กรณีการคบหาสมาคมกับคู่กรณี และกรณีบุตรสาวของนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล เป็นทนายความให้แก่คู่กรณีในคดีที่ตนเป็นองค์คณะพิจารณา และเห็นว่า เนื่องจากนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๙ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจึงไม่อาจพิจารณาชี้มูลในเรื่องอื่นต่อไปได้ จึงขอความเห็นชอบต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณายุติเรื่องการสอบข้อเท็จจริงซึ่งที่ประชุม ก.ศป. พิจารณาแล้ว มีมติรับทราบผลการสอบข้อเท็จจริงทั้งสองกรณี
และเห็นว่าเมื่อผู้ถูกกล่าวหาถึงแก่กรรม โดยที่ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ มิได้กำหนดวิธีการดำเนินการเมื่อผู้ถูกกล่าวหาถึงแก่กรรมไว้ ก.ศป. จึงอาศัยอำนาจตามข้อ ๒๗ ของระเบียบดังกล่าว เห็นชอบให้ยุติเรื่องการสอบข้อเท็จจริงตามที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเสนอ
๒. การสอบสวนทางวินัย นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล
๒.๑ กรณีเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่ศาลปกครองพิษณุโลก โดยไม่มีการไปตรวจราชการจริง และมิได้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมตามโครงการที่สำนักงานศาลปกครองกำหนด ณ วัดพิพัฒน์มงคล จังหวัดสุโขทัย
คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบสวนนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งขณะดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ถูกกล่าวหาว่ามีกรณีตามข้อ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๗ และข้อ ๑๑ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง วินัยแห่งการเป็นตุลาการศาลปกครอง ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๔ ประกอบข้อ ๓ (๑) และ (๗) ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ กรณีเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่ศาลปกครองพิษณุโลก โดยไม่มีการไปตรวจราชการจริง และมิได้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมตามโครงการที่สำนักงานศาลปกครองกำหนด ณ วัดพิพัฒน์มงคล จังหวัดสุโขทัย นั้น คณะกรรมการสอบสวนได้สอบสวนผู้ถูกกล่าวหาตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ แล้ว โดยได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน (แบบ สส. ๑) และสิทธิในการคัดค้านกรรมการสอบสวนให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ ประชุมกำหนดแนวทางการสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาและอธิบายข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ (แบบ สส. ๒) พร้อมสอบถ้อยคำผู้ถูกกล่าวหา (แบบ สส. ๓) สอบถ้อยคำพยานบุคคล (แบบ สส. ๓) จำนวน ๑๕ ราย และรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาได้พิจารณาวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานที่ได้จากการสอบสวน ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนทั้ง ๕ ท่าน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พยานหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอที่จะชี้มูลได้ว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดตามข้อ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๗ และข้อ ๑๑ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง วินัยแห่งการเป็นตุลาการศาลปกครอง ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๔ ประกอบข้อ ๓ (๑) และ (๗) ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔
จากนั้นได้แจ้งบันทึกการแจ้งสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา (แบบ สส.๔) ให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ พร้อมสอบถ้อยคำผู้ถูกกล่าวหา (แบบ สส. ๓) และได้ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงหรือนำพยานหลักฐานเข้าสืบแก้ข้อกล่าวหาแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหาได้มีหนังสือขอขยายเวลาทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเนื่องจากเจ็บป่วย
ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๙ กรรมการ และกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการสอบสวนจึงได้ร่วมกันชี้แจงต่อ กศป. ให้ทราบเกี่ยวกับการดำเนินการสอบสวนดังกล่าวและการถึงแก่กรรมของผู้ถูกกล่าวหาในระหว่างสอบสวน ซึ่ง ก.ศป. ได้พิจารณาแล้วมีมติรับทราบการดำเนินการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน แต่เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาถึงแก่กรรม เป็นเหตุให้คณะกรรมการสอบสวนยังมิได้รับฟังคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาจากผู้ถูกกล่าวหา และไม่อาจดำเนินการสอบสวนต่อไปได้ ประกอบกับระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ มิได้กำหนดวิธีการดำเนินการในกรณีดังกล่าวไว้ ก.ศป. จึงอาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๗ ของระเบียบดังกล่าว มีมติให้การดำเนินการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาเป็นอันยุติ และให้คณะกรรมการสอบสวนจัดทำรายงานการสอบสวน (แบบ สส. ๕) และสำนวนการสอบสวนเสนอ ก.ศป. เพื่อทราบ
๒.๒ กรณีนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้โดยไม่ชอบด้วยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔
คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบสวนนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งขณะดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ถูกกล่าวหาว่ามีกรณีตามข้อ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๗ และข้อ ๑๑ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง วินัยแห่งการเป็นตุลาการศาลปกครอง ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๔ ประกอบข้อ ๓ (๑) และ (๗) ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ กรณีนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้โดยไม่ชอบด้วยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ นั้น คณะกรรมการสอบสวนได้สอบสวนผู้ถูกกล่าวหาตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ แล้ว โดยได้แจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน (แบบ สส. ๑) และสิทธิในการคัดค้านกรรมการสอบสวนให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ ประชุมกำหนดแนวทางการสอบสวน และเชิญผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา (แบบ สส. ๒) แล้ว
แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถมารับทราบข้อกล่าวหาได้เนื่องจากเจ็บป่วย ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๙ กรรมการ และกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการสอบสวนจึงได้ร่วมกันชี้แจงต่อ ก.ศป. ให้ทราบเกี่ยวกับการดำเนินการสอบสวนดังกล่าวและการถึงแก่กรรมของผู้ถูกกล่าวหาในระหว่างสอบสวน ซึ่ง ก.ศป. ได้พิจารณาแล้วมีมติรับทราบการดำเนินการสอบสวน แต่เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาถึงแก่กรรม เป็นเหตุให้คณะกรรมการสอบสวนไม่อาจเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา และไม่อาจดำเนินการสอบสวนต่อไปได้ ประกอบกับระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ มิได้กำหนดวิธีการดำเนินการในกรณีดังกล่าวไว้ ก.ศป. จึงอาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๗ ของระเบียบดังกล่าว มีมติให้การดำเนินการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาเป็นอันยุติ และให้คณะกรรมการสอบสวนจัดทำรายงานการสอบสวน (แบบ สส. ๕) และสำนวนการสอบสวนเสนอ ก.ศป. เพื่อทราบ
สำนักงานศาลปกครอง
๒๒ เมษายน ๒๕๕๙