รอยด่างในป่าแก่งกระจาน
"..ในมุมมองของผมในเอกสารชิ้นนี้ได้รายงานถึงการกระทำอันรุนแรงจากฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นการให้ข้อมูลด้านเดียว โดยมีทั้งภาพและพฤติกรรมสะท้อนให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง.."
ผมเปิดเอกสาร "สรุปผลการปฏิบัติงานยุทธการตะนาวศรี" อ่านมาหลายรอบ
เขาระบุว่าเป็นโครงการ "ขยายผลการอพยพ ผลักดัน/จับกุม ชุมชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระหว่างวันที่ 23-26 มิถุนายน 2554"
ในเอกสารพยายามชี้ให้ชาวบ้านกระเหรี่ยงกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ร้าย
"สืบเนื่องจากอดีตชุมชนกลุ่มน้อยชาวกระหร่างได้อพยพย้ายถิ่นฐานจากเทือกเขาตะนาวศรีและมะริดของประเทศพม่า เข้ามาตั้งเพิงพักหลบภัยและแผ้วถางป่าเพื่อทำกิน อยู่กันอย่างกระจัดกระจายตามพื้นที่ที่แม่น้ำไหลผ่าน บริเวณห้วยขุนกระเวน ห้วยซับชุมเห็ด ห้วยตะเกลพาดู ห้วยตะเกลโพ และห้วยพลู ซึ่งเป็นลำห้วยสาขาของแม่น้ำเพชรบุรี
ภายหลังได้มีการเคลื่อนย้ายอพยพลงมาเรื่อยๆ เพราะพื้นที่ทำกินเดิมมีสภาพทรุดโทรมและเกิดโรคระบาด จึงมีการอพยพมาอยู่ที่บริเวณดินโป่ง ซึ่งก็คือหมู่บ้านโป่งลึกในปัจจุบัน ต่อมามีคนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่หมู่บ้านโป่งลึกอย่างต่อเนื่องเพราะความไม่สงบตามแนวชายแดนและการอพยพย้ายถิ่นฐานตามญาติพี่น้อง ด้วยเหตุที่ชาวกระหร่างยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมเดินทางไปมาหาสู่เพื่อร่วมประเพณี และเยี่ยมเยียนในเหล่าเครือญาติ ทำให้มีการชักชวนกันอพยพมาอยู่ที่แห่งนี้ และยังคงสายใยความสัมพันธ์ในกลุ่มเครือญาติเฉกเช่นเดิมมาจนถึงปัจจุบัน" ข้อมูลที่ระบุไว้ในเอกสารเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาและผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย
ผมไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลนี้หรือไม่ ผู้บริหารอุทยานแก่งกระจานจึงเป็นหลักในการสนธิกำลังอพยพ ผลักดันและจับกุมชาวกระเหรี่ยงในพื้นที่ใจแผ่นดินหลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายในปี 2554 ถึงขนาดเผาบ้านและเผายุ้งฉางข้าว
ในมุมมองของผมในเอกสารชิ้นนี้ได้รายงานถึงการกระทำอันรุนแรงจากฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นการให้ข้อมูลด้านเดียว โดยมีทั้งภาพและพฤติกรรมสะท้อนให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง
ที่ผมพยายามพลิกเอกสารอ่านอยู่หลายเที่ยวเพราะอยากรู้ว่า เพราะอะไร ผู้หลักผู้ใหญ่บางส่วน นักอนุรักษ์บางคนในเมืองเพชร ตลอดจนถึงสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ถึงเชื่อคารมคนบางคน จนไม่เฉลียวใจบ้างเลยหรือว่า ชาวบ้านที่ถูกกระทำเป็นอย่างที่ใครบางคนพยายาม "ป้าย" หรือไม่
หากลองได้สัมผัสกับข้อเท็จจริงจากชาวบ้านอีกมุมหนึ่ง ก็จะพบว่าทุกวันนี้ชาวกระเหรี่ยงกลุ่มหนึ่งกำลังผจญชะตากรรมอันยากลำบากแสนสาหัสเนื่องจากการกระทำของรัฐ ทั้งๆ ที่พวกเขาอยู่ในป่าย่านนี้กันมายาวนานซึ่งสามารถสืบค้นได้ไม่ยากเพราะแม้แต่ในหนังสือนวนิยายเกี่ยวกับพรานไพรในยุค 50-60 ปีก่อน ก็ยังเขียนถึงกระเหรี่ยงแก่งกระจาน
ขณะเดียวกันหากไปตรวจสอบประวัติของใครบางคนก็จะพบถึงความเหี้ยมโหดมาตั้งแต่สมัยเรียน สมัยทำงานอยู่ในภาคใต้ จนกระทั่งติดลมบนเพราะลมปาก
กระเหรี่ยงแก่งกระจานอยู่คู่กับต้นน้ำเพชร จระเข้น้ำจืด และป่าใหญ่บนเทือกเขาตะนาวศรีมายาวนานไม่น้อยกว่าคนบางกลุ่มที่อวดอ้างความเป็นคนเมืองเพชร แต่คนเพชรแท้เขาไม่ข่มเหงคนอื่นก่อนหรอกครับ ยิ่งเป็นคนกินน้ำร่วมสายกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ
การหายตัวไปของหนุ่มกระเหรี่ยง "บิลลี่" เป็นเหมือนเข็มคอยสะกิดเตือนให้ไม่ลืมความชั่วร้ายของมนุษย์บางจะพวกที่กระทำรุนแรงกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
ในโอกาสครบ 2 ปีการหายไปของหนุ่มนักสู้รายนี้ ผมอยากให้กำลังใจปู่คออี้ มึนอและลูก รวมทั้งชาวบ้านใจแผ่นดิน ที่ถูกบังคับให้ย้ายลงมาอยู่ในขุมนรกสำหรับพวกเขา
หวังใจว่าในวันหนึ่งสีที่ชาวบ้านถูกป้ายจะหลุดลอกออกหมด และความชั่วร้ายที่เป็นภัยคุกคามชาวบ้านบางกลอยและสังคมจะได้รับผลกรรม
หมายเหตุ : เรื่องและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ของ Paskorn Jumlongrach