ติดดาววิธีพิเศษ...เรื่องปกติของลูกผู้ใหญ่ในกองทัพ กับคำถามถึงธรรมาภิบาล
ประเด็นร้อนว่าด้วยคำสั่งลับกระทรวงกลาโหมที่ให้บรรจุ นายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา ลูกชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าเป็นนายทหารยศร้อยตรี กลายเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในโลกออนไลน์
หลายคนรวมทั้ง พล.อ.ปรีชา เองบอกว่า เรื่องแบบนี้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ทำกันทั้งนั้น ไม่ได้มีกรณีนี้กรณีเดียว ขณะที่อีกบางกระแสมองสวนทางว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะ พล.อ.ปรีชา เป็นคนลงนามในคำสั่งด้วยตัวเอง เพื่อบรรจุลูกชายของตัวเองเข้ารับราชการโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการสอบคัดเลือกที่เปิดกว้างตามปกติ
วันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญงานความมั่นคง และติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงการทหารอย่างใกล้ชิด ให้สัมภาษณ์ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติที่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพหลายรายนิยมให้บุตรหลานเข้ารับราชการตามแบบของตน แม้ไม่ได้เรียนจบทหาร หรือโรงเรียนนายร้อยก็ตาม อาจจะเป็นเรื่องของความห่วงใย ความสบายใจ เป็นหลักประกันในอาชีพ ซึ่งเรื่องแบบนี้ทำกันมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น
แต่ปัญหาที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ คือ การไม่เปิดสอบอย่างตรงไปตรงมา หรือเปิดสอบคัดเลือกเป็นการทั่วไป แต่เลี่ยงไปใช้วิธีเปิดอัตราพิเศษ ซึ่งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในอดีตทำกันมาตลอด
“ที่ผ่านมามีการเปิดอัตราพิเศษเฉพาะบางสาขาบ้างเหมือนกัน และลูกหลานผู้ใหญ่ก็ได้เข้าไปเป็นทหาร แต่เป็นพวกที่จบสาขาวิชาที่จำเป็นหรือกองทัพขาดแคลน เช่น วิทยาศาสตร์บางแขนง หรือภาษาต่างประเทศ จึงเปิดรับบุคคลภายนอกเข้าไปเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนนายร้อย หรือกรมยุทธศึกษาของกองทัพ ซึ่งถ้าเป็นสาขาวิชาเฉพาะจริงๆ ก็อาจมีเสียงวิจารณ์ไม่มากนัก แต่กรณีจบนิเทศศาสตร์ จบสื่อสารมวลชน อาจเกิดคำถามว่าจะไปทำงานอะไรในกองทัพหรือ บางคนบอกว่างานกิจการพลเรือน งานประชาสัมพันธ์ ก็ต้องถามว่าจำเป็นแค่ไหน”
อาจารย์วันวิชิต ชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่ากองทัพเป็นระบบอุปถัมภ์ขนาดใหญ่ที่เข้มแข็งมาก คล้ายๆ กับกระทรวงมหาดไทย หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“เรื่องนี้เป็นความเชื่อดั้งเดิม พวกลูกท่านหลานเธอ ผู้ใหญ่ในกองทัพก็เอาเข้ามารับราชการเหมือนพ่อ เหมือนปู่ หรือต้นตระกูล แต่ผลที่เกิดตามมาอีกด้านหนึ่งคือการไม่เปิดโอกาสให้คนเก่งที่ไม่มีเส้นสายเข้าสู่ระบบราชการตามปกติ เท่ากับเป็นการกัดกร่อนระบบธรรมาภิบาลของสังคมไทย แม้จะไม่ใช่การทุจริตคอร์รัปชั่นโดยตรง แต่ก็กระทบกับนโยบายและค่านิยมที่ คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) กำลังพยายามบอกกับสังคม ทั้งเรื่องธรรมาภิบาล และความเท่าเทียม”
อาจารย์วันวิชิต บอกด้วยว่า เท่าที่เคยศึกษาและรวบรวม พบว่ามีบุตรหลานของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้รับการบรรจุเข้าเป็นทหารสัญญาบัตรจำนวนไม่น้อย และมีแทบทุกยุค
“ที่ผ่านมาก็เช่น ลูกสาวอดีต ผบ.ทบ.ที่เพิ่งเกษียณอายุไปเมื่อไม่นานนี้ จบการศึกษาด้านภาษาจีน ก็บรรจุเข้าเป็นอาจารย์ที่กรมยุทธศึกษาทหารบก, ลูกสาวของอดีต ผบ.ทบ.อีกคนที่เป็นญาติผู้พี่ของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้โด่งดัง ก็ได้รับการบรรจุเข้าเป็นทหาร เช่นเดียวกับลูกของอดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ.ตระกูลใหญ่ หรือแม้แต่อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกท่านหนึ่งที่เกษียณอายุไปนานหลายปีแล้ว ลูกชายไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อย แต่ก็เข้ามาเป็นทหาร ไม่เว้นแม้แต่อดีตนายทหารที่เคยเป็นผู้นำการชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็มีลูกสาวรับราชการทหารเช่นกัน”
“หลายกรณีเท่าที่ตรวจพบ บางคนเอาลูกเข้ามาเป็นทหารเพื่อเลี่ยงการเกณฑ์ทหารก็มี พอพ้นกำหนดเกณฑ์ ก็โอนไปอยู่หน่วยงานอื่น หรือไม่ก็ลาออกไปประกอบอาชีพอื่น หรือไปทำธุรกิจส่วนตัว ทำให้เกิดปัญหากับกองทัพและสิ้นเปลืองงบงประมาณ แต่เทรนด์ในระยะหลังๆ ลูกคนใหญ่คนโตที่ฝากกันเข้ามาเป็นทหาร มักจะเป็นลูกสาวมากกว่าลูกชาย” อาจารย์วันวิชิต ระบุ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพจากเฟซบุ๊ค อ.วันวิชิต บุญโปร่ง