รวบ 4 ผู้ต้องสงสัยปล้นรถซุกบึ้มป่วนยะลา ออกหมายจับเพิ่มอีก 6 คนกรณี 13 มี.ค.
เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลจับกุมผู้ต้องสงสัย 4 คนที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายปล้นรถกระบะจาก อ.บันนังสตา แล้วนำไปบรรทุกระเบิด ก่อนบังคับให้เจ้าของรถขับไปจอดบริเวณย่านการค้าในเขตเทศบาลนครยะลา แต่เจ้าหน้าที่เก็บกู้เอาไว้ได้ ไม่เกิดเหตุรุนแรงขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อวันที่ 5 เม.ย.59
การปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม เกิดขึ้นเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 7 เม.ย.ต่อเนื่องเช้ามืดวันศุกร์ที่ 8 เม.ย. เจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้าน 3 หลังใน อ.กรงปินัง อ.บันนังสตา และ อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อติดตามตัวผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุ โดยได้หลักฐานจากการเก็บวัตถุพยานจำนวน 82 รายการ และตรวจสารพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ พบว่าเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลบุคคลต้องสงสัยที่เคยอยู่ในบัญชีผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบ 2 ราย
ผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 4 ราย คือ
1.นายสานาฟี เจ๊ะเต๊ะ อายุ 28 ปี ปรากฏหลักฐานดีเอ็นเอบนมือจับประตูรถยนต์คันที่คนร้ายปล้น โดยจับกุมได้ที่บ้านใน อ.กรงปินัง ประวัติเคยถูกควบคุมตัวเมื่อปี 2553 ในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิด
2.นายมะรอพี เจ๊ะดีแม อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บ้านใน อ.บันนังสตา ประวัติเคยถูกเก็บดีเอ็นเอจากการปิดล้อมตรวจค้นเมื่อปี 2553 และดีเอ็นเอตรงกับหลักฐานใหม่ที่เก็บจากแบตเตอรี่ในชุดวงจรประกอบระเบิดที่ยึดได้ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 เม.ย.
ทั้งสองคนถูกควบคุมตัวตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯที่ออกโดยศาลจังหวัดยะลา และถูกส่งไปเข้ากระบวนการซักถามยังศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า อ.เมือง จ.ยะลา
3.นายอับดุลดาแม กูโน อายุ 35 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.กรงปินัง
และ 4.นายรีดูวัน ตาเฮ อายุ 31 ปี ถูกจับกุมได้ที่บ้านใน อ.เมืองยะลา โดยสองคนหลังถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก และถูกส่งไปซักถามยังหน่วยซักถามข่าวกรองทางทหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนหน้า ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ค้นเขาตะเวพบแหล่งซุกคนร้ายหลังยึด รพ.
ส่วนความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกโรงพยาบาลเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 มี.ค.59 เพื่อใช้เป็นที่มั่นในการยิงถล่มฐานทหารพรานที่ 4816 จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 นายนั้น
ล่าสุดช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 7 เม.ย. พ.อ.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 45 ได้ส่งกำลังจำนวน 3 ชุดปฏิบัติการขึ้นไปพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาตะเว ซึ่งตั้งอยู่หลังหมู่บ้านบือแจง หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส หลังสืบทราบว่ากองกำลังติดอาวุธที่บุกยึดโรงพยาบาล ใช้เป็นแหล่งผลิตวัตถุระเบิดเพื่อนำลงมาใช้ก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดนราธิวาส
ผลการพิสูจน์ทราบ พบสถานที่อำพรางตัวของคนร้าย และของกลางอีกหลายรายการ เช่น เสื้อผ้าและผ้าพันคอของทหารพราน, สวิทช์ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับเปิดปิดในการตัดวงจร, แผงวงจรไฟฟ้าที่ใช้ในการต่อวงจรระเบิด, ถ่านไฟฉายขนาด 9 โวลต์ เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมส่งศูนย์พิสูจน์หลักฐานจังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจสอบต่อไป
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 6 คน รวมกับที่ออกไว้แล้ว 2 คน รวมเป็น 8 คน
แฉยึดชุดทหารพราน-ชี้ชัดจงใจใส่ร้ายจนท.
ต่อมาวันอาทิตย์ที่ 10 เม.ย. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้ออกคำแถลงความคืบหน้าเหตุคนร้ายบุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้องว่า ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นขั้นตอน ดังนี้
การจัดกำลังพิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบนเทือกเขาตะเว จากสถานการณ์ด้านการข่าว และการให้ข้อมูลข่าวสารของพี่น้องประชาชนที่เบื่อหน่ายต่อการใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงทราบว่า หลังก่อเหตุที่โรงพยาบาลเจาะไอร้อง กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ถอนตัวไปบนเทือกเขาตะเว แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) จึงได้สั่งการให้กำลังร่วม 3 ฝ่าย เปิดแผนยุทธการเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เต็มพื้นที่เทือกเขาตะเว
ผลการปฏิบัติ ได้ตรวจพบความเคลื่อนไหวบนเทือกเขาตะเว ซึ่งคาดว่าเป็นแหล่งหลบซ่อนพักพิงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง จึงได้จัดกำลังเข้าลาดตระเวนพิสูจน์ทราบและทำลายแหล่งหลบซ่อนพักพิง เพื่อมิให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนำมาใช้หลบซ่อนพักพิงได้ จำนวน 6 ครั้ง ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง 3 แห่ง ในพื้นที่ อ.ระแงะ 3 แห่ง
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. กำลังร่วม 3 ฝ่าย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย, ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เข้าพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาตะเว ในพื้นที่บ้านบือแจง อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ตรวจพบที่หลบซ่อนพักพิงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เป็นที่พักชั่วคราวจำนวน 7 หลัง, ตรวจพบหลักฐานแผนผังการก่อเหตุในหลายพื้นที่ รวมทั้งที่โรงพยาบาลเจาะไอร้อง ตรวจพบเสื้อผ้า และชุดฝึกที่คาดว่าใช้ในการก่อเหตุในโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ตรวจพบผ้าพันคอซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์บอกฝ่ายของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41, เครื่องแบบฝึกทหารพรานของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ใช้อำพรางว่าการปฏิบัติการในโรงพยาบาลเจาะไอร้องเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่
นอกจากนั้นยังตรวจพบอุปกรณ์ประกอบระเบิด อาทิ วงจรอิเล็กทรอนิกส์, ถ่านไฟฉายจำนวนมาก, เชื้อปะทุและสายไฟทำเชื้อปะทุ ซึ่งใช้ในการประกอบวัตถุระเบิด, แผงวงจรไฟฟ้าที่ใช้ในการต่อวงจรประกอบวัตถุระเบิด และอุปกรณ์ประกอบระเบิดอีกหลายรายการ ตรวจพบอุปกรณ์ดำรงชีพ เวชภัณฑ์หลายรายการ เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง อุปกรณ์ในการทำอาหาร ชุดเครื่องมือปฐมพยาบาล กระสอบใส่เสื้อผ้า ภายในกระสอบมีเสื้อกระสุน, ยาและเวชภัณฑ์
จากการพิสูจน์ทราบแหล่งหลบซ่อนพักพิงดังกล่าว เชื่อว่าเป็นสถานที่ใช้ประกอบระเบิดเพื่อนำมาใช้ปฏิบัติการในพื้นที่ จ.นราธิวาส และคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หลังจากปฏิบัติการที่โรงพยาบาลเจาะไอร้องแล้ว ได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งหลบซ่อนพักพิง
สำหรับการตรวจพบผ้าพันคอและชุดทหารพราน บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามใส่ร้ายว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงได้ส่งหลักฐานที่ยึดได้ให้ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เพื่อรวบรวมหลักฐานและบังคับใช้กฎหมาย ต่อไป
8 หมายจับรวมเหตุโจมตีจุดอื่น 13 มี.ค.
ส่วนความคืบหน้าเหตุต่อเนื่องกัน ซึ่งเกิดขึ้นวันเดียวกับเหตุยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง คือเหตุโจมตีชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย (ชป.รปภ.) สถานีรถไฟเจาะไอร้อง หน่วยปฏิบัติการพิเศษนราธิวาส 31 ผลการซักถามผู้ถูกเชิญตัวตามราชบัญญัติกฎอัยการศึก มีผู้ยอมรับและให้การซัดทอด จนสามารถขยายผลและทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้วจำนวน 12 คน โดยมีรายละเอียดดังนี้
ประชุมวางแผน สั่งการ 2 คน, เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันที่ 1 จำนวน 1 คน, เป็นผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันที่ 1 และมีหน้าที่ ใช้ปืนกลเบาอูซี่ยิงโจมตี 1 คน, เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันที่ 2 จำนวน 1 คน, เป็นผู้ซ้อนท้ายรถกรยานยนต์คันที่ 2 และมีหน้าที่ใช้ปืนกลเบาอูซี่ ยิงโจมตี 1 คน, เป็นผู้ดูต้นทาง 4 คน และในจำนวน 12 คนดังกล่าว หลบหนีการจับกุมจำนวน 3 คน ะสามารถควบคุมตัวได้แล้ว จำนวน 9 คน ในจำนวน 9 คนนี้อยู่ระหว่างการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ จำนวน 3 คน และทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส สามารถรวบรวมพยานหลักฐาน และนำสู่การขออนุมัติศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับได้แล้ว จำนวน 6 คน
สรุปการออกหมายจับเหตุการณ์ เมื่อ 13 มี.ค.59 (ทั้งบุกยึดโรงพยาบาลและก่อเหตุรุนแรงอื่นๆ) เดิมออกหมายจับแล้ว 2 คน ออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 6 คน ขณะนี้สามารถออกหมายจับได้แล้วรวมทั้งสิ้น 8 คน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นำทีมแถลงความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายหลังเหตุกรารณ์บุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง
ขอบคุณ : ภาพจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า