รักษาการอธิการมก. ชี้จุดแข็งไทยอยู่ที่ภาคเกษตร ขอรัฐเร่งหนุนวิจัย-นวัตกรรม
มก. โชว์ 4 ปีซ้อน สาขาการเกษตรฯ ติดอันดับท็อป 50 ของโลก ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ เชื่อ งานวิจัยจะสร้างนวัตกรรมให้ประเทศไทยยังเชิดหน้าชูตา-อยู่รอดได้
วันที่ 7 เมษายน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดเสวนาพิเศษ เรื่อง สังคมเกษตรไทย...ได้อะไรจาก World-class university ??? ณ ห้องประชุมกำพล อดุลวิทย์ อาคารสารนิเทศ 50 ปี โดยดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดี ผศ.ดร.สุตเขตต์ นาคะเสถียร คณบดีคณะเกษตร ผศ.ดร.ธนะบูลย์ สัจจาอนันตกุล คณบดีคณะอุตสาหกรรมเกษตร
ดร.จงรัก กล่าวถึงผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก โดย QS World University Ranking by Subject ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้ดำเนินการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกแยกตามสาขาวิชา โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2011 ล่าสุดในปี 2016 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 47 ของโลก สาขาการเกษตรและการป่าไม้ (Agriculture & Forestry) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยไทยแห่งเดียวที่ครองอันดับ 1 - 50 ของโลก และครองอันดับ 1 ของประเทศไทย เป็นเวลา 4 ปีซ้อน ( ปี 2013 อันดับที่ 33 ปี 2014 อันดับที่ 48 ปี 2015 อันดับที่ 39 )
“มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 47 ของโลก สาขาการเกษตรและการป่าไม้ เนื่องจากประเทศไทยโดยเด่นทางด้านเกษตร ซึ่งศักยภาพนี้เราต้องช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นฐานด้านการเกษตรอย่างแท้จริง รวมถึงการส่งเสริมนวัตกรรมการเกษตรต่อไปในอนาคต” รักษาการอธิการบดี มก. กล่าว พร้อมกับตั้งเป้าขยับอันดับขึ้นไปอยู่ไม่ต่ำกว่า ลำดับที่ 20
ดร.จงรัก กล่าวถึงงานวิจัยจะสร้างนวัตกรรมให้ประเทศไทยยังเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ โดยเฉพาะงานวิจัยที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร เพราะเรื่องอื่นๆ เราไม่มีทางตามประเทศอื่นได้ทัน ดังนั้นต้องกลับมาที่ฐานของประเทศ คือ การเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตรที่ครบวงจร
ด้านผศ.ดร.สุตเขตต์ กล่าวว่า ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว ต้องมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เข้ามาเสริมด้วย ซึ่งบทบาทมหาวิทยาลัยมีส่วนช่วยพัฒนาศาสตร์เพื่อแผ่นดิน อาทิ ที่ผ่านมา ข้าว ก็มีการพัฒนา ปรับปรุงพันธุ์ใหม่ๆ ให้สามารถปรับตัวกับภูมิอากาศโลกที่ร้อนขึ้น น้ำท่วม น้ำแล้ง หรืออย่าง มันสำปะหลัง จากเดิมผลผลิตต่ำมากแค่ 1 ตันต่อไร่ คือ ไม่กี่ร้อยกิโลกรัมต่อไร่ ปัจจุบันการปลูกมันสำปะหลัง ผลผลิต 3.6 ตันต่อไร่ เรียกว่า ผลผลิตเพิ่มมา 4 เท่าตัว
ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม คณบดีคณะเกษตร มก. กล่าวว่า นวัตกรรมต้องเกิด และจะเกิดได้ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม ในมิติของผู้บริหารประเทศ รวมถึงมองเห็นความสำคัญการเรียนการสอน การวิจัยเรื่องการเกษตร มองเห็นจุดแข็งประเทศ เชื่อว่าจะทำให้ประเทศเข้มแข็งได้
ด้านผศ.ดร.ธนะบูลย์ กล่าวถึงการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก World class University อันดับ 1 คือมหาวิทยาลัยในประเทศเนเธอร์แลนด์ ตามด้วยสหรัฐฯ ซึ่งประเทศเหล่านั้นให้ความสำคัญกับงานวิจัย นวัตกรรม ฉะนั้น อุตสาหกรรมประเทศไปไม่ได้ หากเราไม่เน้นเรื่องนวัตกรรม ตอนนี้ค่าแรงงานสูง ต้นทุนทุกอย่างสูงหมด ไม่นำเรื่องนวัตกรรมไปไม่รอด
คณบดีคณะอุตสาหกรรมเกษตร มก. กล่าวอีกว่า การที่มก.ติดอันดับ 1 ใน 50 สาขาเกษตร แปลว่า ทั่วโลกเห็นว่า นี่คือจุดแข็งของประเทศไทย คือรางวัลของคนไทย ยิ่งหากดูตัวเลขการส่งออกสินค้าอาหาร ไทยติดอันดับ 14 ของโลก 80% ของวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร มาจากในประเทศ แต่คนไทยมักจะมองในสิ่งที่เราไม่มี เช่น เราไม่มีรถไฟความเร็วสูง แต่ไม่เคยมองหาแก่น หรือจุดแข็งประเทศเลย
"งานวิจัยเอกชนทำได้ มหาวิทยาลัยก็ทำได้เสริมกันไป แต่สิ่งที่มหาวิทยาลัยต้องทำ และสำคัญที่สุด คือ การสร้างทรัพยากรบุคคล สร้างคนที่เก่งให้กับประเทศ ควบคู่กับงานวิจัย"
ทั้งนี้ การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก โดย QS World University Ranking by Subject ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้ดำเนินการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกแยกตามสาขาวิชา โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2011 ล่าสุดในปี 2016 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 47 ของโลก สาขาการเกษตรและการป่าไม้ (Agriculture & Forestry) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยไทยแห่งเดียวที่ครองอันดับ 1 - 50 ของโลก
นอกจากนี้ยังติดอันดับ 1 ของอาเซียน อันดับ 4 ของเอเชีย อีก 2 สาขาที่ติดอันดับโลก ได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Environmental Sciences) อันดับโลกที่ 251-300 อันดับที่ 3 ของไทย และ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ(Computer Science & Information Systems) อันดับโลกที่ 401- 450 อันดับที่ 5 ของไทย ส่วนการจัดอันดับของไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 สาขาการศึกษา (Education) เป็นครั้งแรก และสาขาอื่น ๆ อีก 13 สาขา ติดอันดับ 1- 5 ของไทย