กรม สบส.เชื่อปัญหา“สปา-นวด-นาบ” หมดไป หลังพ.ร.บ.สถานประกอบการสุขภาพ บังคับใช้
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เล็งเปิดให้ยื่นขออนุญาตประกอบการทางออนไลน์เพื่อลดภาระผู้ประกอบการ คาดใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน พิจารณาออกใบอนุญาต ฟันธงบอกลาปัญหา “สปา-นวด-นาบ” ได้แน่!!
หลังจากพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมือวันที่ 31 มี.ค.2559 กำหนดให้กิจการประเภทสปา นวดเพื่อสุขภาพ หรือเพื่อเสริมความงาม และกิจการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) นั้น
วันที่ 5 เมษายน ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วยนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ และนายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย ร่วมแถลงข่าวหลังพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ได้ประกาศเป็นกฎหมายลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยใช้เวลาผลักดันมา 5 ปี และจะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน คือวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2559
นายแพทย์ภัทรพล กล่าวว่า ในส่วนของสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายใหม่ทุกประเภท คาดว่าจะมีหลายหมื่นแห่งทั่วประเทศ ขอให้เตรียมความพร้อมยื่นขอใบอนุญาตประกอบการที่กรมสบส. และต้องผ่านการตรวจอนุญาตจากกรม สบส.
ส่วนสถานประกอบการฯ ที่ได้รับใบอนุญาตมาก่อนหน้านี้ตามประกาศกระทรวงสาธารณ สุขฉบับที่ 2 พ.ศ. 2551 ที่ออกตามพ.ร.บ.สถานบริการ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2509 จำนวน 1,609 แห่ง อยู่ในกทม. 344 แห่งที่เหลืออยู่ในภูมิภาค ประกอบด้วยสปา 509 แห่ง นวด 1,070 แห่ง และเสริมสวย 30 แห่ง อนุโลมให้ดำเนินการต่อไปได้และให้ยื่นขออนุญาตตามขั้นตอนกฎหมายใหม่ภายใน 180 วันหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ และจะเปิดให้ยื่นขออนุญาตประกอบการทางระบบออนไลน์เพื่อลดภาระผู้ประกอบการ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน ในการพิจารณาออกใบอนุญาต โดยผู้ประกอบการในเขตกทม. สามารถยื่นขออนุญาตได้ที่กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กรม สบส. ส่วนในภูมิภาคยื่นขอได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพทั้ง 12 เขต
สำหรับกฎหมายดังกล่าว มีผลควบคุมสถานประกอบการเพื่อสุขภาพได้แก่
1.กิจการสปาซึ่งให้การดูแลเสริมสร้างสุขภาพโดยใช้น้ำบำบัด นวดร่างกายเป็นหลัก และมีบริการอื่นเสริมอย่างน้อย 3 อย่าง ที่กำหนดในกิจการสปา เช่น การให้บริการด้วยความร้อน อาทิ ประคบหินร้อน อบซาวน่า (Sauna), การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ อาทิ แอโรบิค ฟิตเนส ฟิตบอล ไทเก๊ก, โยคะ, ฤาษีดัดตน, การทำสมาธิ อาทิ นั่งสมาธิ ชี่กง เรกิ
2.กิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือเพื่อเสริมความงาม เช่น นวดหน้า พอกหน้า ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้สามารถที่กำหนดเป็นกฎกระทรวงในภายหลัง เพื่อใช้บังคับกำกับกิจการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่ไม่ใช่การรักษาพยาบาล เช่น เนิร์สซิ่งโฮมดูแลผู้สูงอายุ และฟิตเนส ด้วย
ทั้งนี้ผู้ดำเนินการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ต้องขอรับใบอนุญาต ซึ่งมีอายุ 5 ปี จากกรมสบส. ส่วนผู้ให้บริการ ต้องขึ้นทะเบียน ได้รับใบรับรองคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษาที่กรมสบส.รับรอง ซึ่งขณะนี้มีกว่า 588 แห่งทั่วประเทศ ผู้ได้รับอนุญาตต้องติดใบอนุญาต และตราสัญลักษณ์ “มาตรฐาน สบส” ที่สถานประกอบการในที่เปิดเผยเห็นง่าย ผู้ดำเนินการต้องอยู่ประจำตลอดเวลาทำการ ทุกแห่งต้องมีคู่มือปฏิบัติงานให้บริการ การใช้เครื่องมือให้ได้มาตรฐานสะอาด ปลอดภัย มีระบบสอบถามและบันทึกข้อมูลสุขภาพพื้นฐาน และคัดกรองผู้รับบริการ เพื่อจัดบริการที่เหมาะสมแก่สุขภาพของผู้รับบริการ และควบคุมไม่ให้ผู้ให้บริการออกไปให้บริการข้างนอกสถานประกอบการในเวลาทำงาน มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ
การโฆษณาสามารถกระทำได้ตามลักษณะการให้บริการ แต่ห้ามโอ้อวดสรรพคุณอุปกรณ์ บริการ ผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้ต่างๆ เกินจริงว่าสามารถบำบัดรักษาหรือป้องกันโรคได้ ห้ามโฆษณาที่ส่อในทางลามกอนาจาร หากฝ่าฝืน เช่น แอบอ้างใช้ชื่อว่าเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ มีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ลักลอบเปิดสถานประกอบการเพื่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนใบอนุญาต เป็นต้น
ในช่วงระยะ 180 วัน ก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้กรม สบส. ได้เตรียมความพร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ 1 ชุด เพื่อกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ให้เป็นไปตามกฎหมายและแต่งตั้งเจ้าพนักงานตามกฎหมายทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค นอกจากนี้จะจัดประชุม 4 ภาคเพื่อชี้แจงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความเข้าใจกฎหมาย และปฏิบัติเป็นแนวเดียวกันทั่วประเทศ โดยได้ตั้งกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เพื่อดูแลด้านนี้โดยเฉพาะ