ส.โลกร้อนระดมทุน 1.2 ล้าน ซื้อคืน 'อุโมงค์ต้นไม้' ถนนหล่มสัก-ชุมเเพ
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนยื่นหนังสือ 'ประยุทธ์' ค้านตัดอุโมงค์ต้นไม้ขยายทางหลวงหมายเลข 12 หล่มสัก-ชุมเเพ เตรียมเปิดระดมทุน ปชช.ทั่วประเทศ ที่มีจิตอนุรักษ์ ซื้อต้นไม้ยังไม่ถูกตัดโค่นคืน 450 ต้น 'ศรีสุวรรณ' เผยภาครัฐต้องทบทวน มิฉะนั้นเชื่อว่ามีอะไรกับเอกชนผู้ประมูล
วันที่ 4 เมษายน 2559 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เป็นตัวเเทนภาคประชาชนเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อคัดค้านโครงการขยายถนนทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมเเพ) โดยการตัดต้นไม้ใหญ่ ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านใน อ.หล่มสักเก่า จ.เพชรบูรณ์ ว่ากรมทางหลวงได้ดำเนินโครงการขยายถนนทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก-ชุมเเพ) ช่วงเเยกพ่อผาเมืองถึงศูนย์สร้างหล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ 12 เพื่อรองรับเส้นทางยุทธศาสตร์สายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งมีต้นไม้ขนาดใหญ่ เช่น ต้นจามจุรีเส้นรอบวงกว่า 2-3 คนโอบ เเละต้นไม้หวงห้าม เช่น สัก เป็นจำนวนมากกว่า 500 ต้น มีสภาพคล้ายอุโมงค์ต้นไม้
อย่างไรก็ตาม ภายหลังกรมทางหลวงได้ให้บริษัทเอกชนประมูลซื้อขายต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนประมาณ 500 ต้น ได้ในราคาประมาณ 1.245 ล้านบาทไปเเล้วนั้น ผู้ชนะการประมูลได้เข้าตัดฟันทำลายต้นไม้ขนาดใหญ่ไปบ้างเเล้วประมาณ 50 ต้น (กม.ที่360-363) ซึ่งสมาคมฯ เห็นว่าการขยายถนนสามารถก่อสร้างได้โดยไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ตลอดเส้นทาง เพราะยังมีพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นขวางอีกเกือบฝั่งละ 20 เมตร
นายศรีสุวรรณ เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่าสมาคมฯ มีข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสั่งการกระทรวงคมนาคม โดยเเขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 สำนักทางหลวงที่ 6 กรมทางหลวง ทบทวนเเบบเเปลนหรือเเนวเส้นทางโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงหมายเลข 12 และเจรจากับภาคเอกชนที่ประมูลซื้อขายต้นไม้ไปได้ โดยปรากฎชื่อในนามบุคคล คือ นายพีระพงษ์ สายจันยูร เพื่ออนุญาตให้สมาคมฯ ภาคเอกชน เเละประชาชน ซื้อคืนต้นไม้ที่ยังไม่ได้ทำการตัดโค่นเกือบ 450 ต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นจามจุรีที่มีขนาดใหญ่ เเละต้นสัก และงิ้วหนาม มีขนาดไม่ใหญ่
สำหรับการหางบประมาณเพื่อซื้อคืนต้นไม้ที่ยังไม่ถูกตัดโค่นนั้น นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า จะเปิดระดมทุนจากประชาชน องค์กร ห้างร้าน ที่มีหัวใจนักอนุรักษ์ 1.2 ล้านบาท เท่าราคาประมูล เเม้ต้นไม้จะถูกตัดโค่นไปเเล้วก็ตาม เชื่อว่าจะไม่ใช่เรื่องยาก เพื่อให้มีส่วนร่วมในการซื้อคืนร่วมกัน พร้อมเชื่อมั่นว่า กระแสสังคมที่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเป็นสัญญาณที่ดีไปยังนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ต้องทบทวน เพราะยังมีทางเลือกอื่นอยู่ ยกเว้นไม่ยอมรับนั่นก็แสดงว่าหน่วยงานรัฐมีอะไรกับผู้ประกอบการเอกชนจึงไม่ยอมให้ประชาชนซื้อต้นไม้คืน .
ภาพประกอบ:เฟซบุ๊ก Srisuwan Janya