ที่มาของนายกรัฐมนตรี : ปัญหาของมาตรา88, 159 และบทเฉพาะกาลมาตรา 272!
"ข่าวที่ปรากฎออกมาก่อนหน้าเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ สุดท้ายก็ทราบว่าแก้ไขเพียงว่าถ้าสภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรีตามนวัตกรรมใหม่ในบททั่วไปแล้วไม่สำเร็จ จึงให้สิทธิส.ส. กึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อกันขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นไม่ต้องเลือกนายกรัฐมนตรี แต่เฉพาะจากรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอไว้ "
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โพตส์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ถึง ที่มาของนายกรัฐมนตรี และปัญหาของมาตรา 88 มาตรา159 และบทเฉพาะกาลมาตรา 272
----
มาตรการกันนายกรัฐมนตรีคนนอกพรรคการเมือง?
บทถาวรของรัฐธรรมนูญแม้จะไม่ได้บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นส.ส.เท่านั้น แต่การไปบัญญัตินวัตกรรมใหม่ให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรีจากรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอต่อกกต.ก่อนวันปิดสมัครรับเลือกตั้งส.ส.พรรคละไม่เกิน 3 ชื่อ (มาตรา 159 และมาตรา 88) ทำให้เกิดปัญหาอย่างน้อย 2 ประการ
หนึ่ง - ทำให้ยากที่จะได้คนนอกพรรคการเมืองมาเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ด้านหนึ่งเพราะคงไม่มีพรรคการเมืองไหนเสนอชื่อคนนอกพรรคตนเองตั้งแต่ก่อนวันปิดสมัครส.ส. อีกด้านหนึ่งก็คงไม่มีคนนอกพรรคการเมืองสักกี่คนที่จะเซ็นยินยอมให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเสนอชื่อตนเป็นแคนดิเดทตั้งแต่ไก่โห่ สุดท้ายนายกรัฐมนตรีจะเป็นส.ส.หรือไม่ไม่รู้แต่เป็นคนของพรรคการเมืองหรือคนใกล้ชิดพรรคการเมืองแน่
สอง - การไปล็อคการเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาผู้แทนราษฎรไว้กับบุคคลที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอชื่อในวันก่อนปิดสมัครรับเลือกตั้งส.ส. เท่ากับเป็นการล็อคไว้ตลอดอายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดนั้น คือถ้าไม่มีการยุบสภาก็เท่ากับ 4 ปี หากมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีการยุบสภาเกิดขึ้นไม่ว่าจะกี่ครั้งในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดนั้น แคนดิเดทที่จะให้สภาผู้แทนราษฎรมาเสนอเลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็จะจำกัดอยู่กับคนกลุ่มเดิมที่ถูกเสนอชื่อไว้นานแล้ว เป็นการจำกัดทางเลือกอย่างชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน อาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเหมาะสมความจำเป็นขณะนั้น
เป็นการจำกัดทางเลือกของทางออกทางการเมืองอย่างยิ่ง จำกัดยิ่งกว่าการบัญญัติให้นายกรัฐมนตรีมาจากส.ส.เท่านั้นเสียอีก นั่นยังมี 500 คนให้เลือกเสนอ
และไม่ต้องพูดว่าจำกัดกว่าการบัญญัติแต่เพียงให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกของสภาผู้แทนราษฎรโดยเปิดเผยมากขนาดไหน ในกรณีนี้ถ้าต้องการเน้นว่าต้องให้โอกาสผู้ที่เป็นส.ส.ก่อน ก็บัญญัติไว้ว่าถ้าจะเสนอคนที่ไม่ได้เป็นส.ส.ก็ต้องใช้มติเสียงข้างมากพิเศษ 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎรก็ได้
ข้อเสนอของคสช.ฉบับ 13 มีนาคม 2559 ที่อิงความเห็นของแม่น้ำอีก 3 สาย ไม่เห็นด้วยกับบทบัญญัตินี้ โดยได้ชี้แจงแสดงความเห็นไปเกือบ 1 หน้ากระดาษ
เป็น 1 หน้ากระดาษที่ใช้ถ้อยคำหนักแน่นพอสมควร
โดยระบุในทำนองว่าถ้ากรธ.จะยืนยันความเห็นในบทบัญญัตินวัตกรรมที่ออกแบบมา ก็ขอว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านระยะ 5 ปีอย่าเพิ่งนำบทบัญญัตินี้มาใช้
กรธ.ตอบสนองประเด็นนี้ โดยบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา 272
แต่ค่อนข้างน้อยมาก !
ตามข่าวที่ปรากฎออกมาก่อนหน้าเผยแพร่ร่างฯสุดท้าย ก็ทราบว่าแก้ไขเพียงว่าถ้าสภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรีตามนวัตกรรมใหม่ในบททั่วไปแล้วไม่สำเร็จ จึงให้สิทธิส.ส.กึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อกันขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นไม่ต้องเลือกนายกรัฐมนตรี แต่เฉพาะจากรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอไว้ แล้วให้เรียกประชุมรัฐสภา และรัฐสภาต้องมีมติ 2 ใน 3 จึงจะยกเว้นได้ แล้วจึงกลับมาเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาผู้แทนราษฎรโดยเปิดกว้างได้
ฟังแล้วก็รู้สึกว่ายากจะเกิดขึ้นได้ง่าย นอกจากถึงทางตันจริง ๆ ที่สุดแล้วนายกรัฐมนตรีก็คงเป็นบุคคลที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอชื่อมาในวันก่อนปิดสมัครเลือกตั้งส.ส เพราะจะให้เกิดข้อยกเว้นตามมาตรา 272 ยากมาก เริ่มต้นเสนอด้วยส.ส. 250 คน จากนั้นการเห็นชอบให้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากบุคคลนอกบัญชีพรรคการเมืองได้ ต้องใช้เสียงรัฐสภา 2 ใน 3 เท่ากับต้องใช้เสียงส.ว.ครบทั้ง 250 คน เป็นไปได้ยากมาก
เอาละ แม้ว่าจะยากมากก็ยังดีกว่าไม่มีบทเฉพาะกาลเปิดทางแก้ปัญหาทางตันไว้เสียเลยส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าบทเฉพาะกาลนี้ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี
แต่พอมาอ่านตัวบทมาตรา 272 แล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่ !
เพราะเป็นการยกเว้นให้เฉพาะในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกครั้งเดียวหลังเลือกตั้งครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น ไม่ใช่เป็นบทเฉพาะกาลที่ยกเว้นไว้ตลอด 5 ปี
มาตรา 272 เขียนขึ้นต้นไว้อย่างนี้จะให้ตีความว่าอย่างไร
"ในวาระเริ่มแรก เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 268 แล้ว..."
ตีความได้ว่ายกเว้นให้เฉพาะการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกครั้งเดียวหลังเลือกตั้งครั้งแรก ไม่ยกเว้นให้ในครั้งต่อ ๆ ไป ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปหรือไม่
แปลว่าหากมีวิกฤตหรือมีความจำเป็นที่จะต้องได้นายกรัฐมนตรีให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วง 5 ปี นอกเหนือไปจากการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกหลังการเลือกตั้งครั้งแรก ก็จะไม่มีบทเฉพาะกาลใด ๆ ช่วยได้เลย นายกรัฐมนตรีต้องมาจากคนที่พรรคการเมืองเสนอชื่อไว้เท่านั้น
ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านไม่น่าไปจำกัดทางเลือกชนิดไม่เคยปรากฎมาก่อนขนาดนี้
หมยเหตุ - ภาพประกอบจากเฟซบุ๊กKamnoon Sidhisamarn