ปฏิรูปตำรวจ : ถึงทำเดี๋ยวนี้ก็สายเสียแล้ว
"หากลังเลใจและยังคิดว่าต้องคอยให้รัฐบาลใหม่ทำ เราจะได้สำนักงานโจรแห่งชาติ แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนได้รัฐบาลใหม่อย่างแน่นอน"
ท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับตำรวจคงจะเห็นทั่วกันแล้วว่าขณะนี้พฤติกรรมของตำรวจยศชั้นต่างๆเป็นไปอย่างที่สังคมยอมรับไม่ไหว เสียง เรียกร้องให้มีการปฏิรูปตำรวจดังขึ้นและถี่ขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่เฉพาะแต่ประชาชนเท่านั้น แม้แต่อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของตำรวจเองก็ออกมาเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงด้วย เมื่อไม่กี่วันมานี้ พล.ต.อ. ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ถึงกับเรียกร้องให้ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้เหลือแต่ตำรวจส่วนภูมิภาค
ขณะนี้ผู้เรียกร้องทุกคนดูเหมือนจะกำลังคอยดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะทำอย่างไรกับการเรียกร้องครั้งนี้ คงจำกันได้ว่า นายกรัฐมนตรีเคยปรารภมาแล้วว่า การปฏิรูปตำรวจจะให้เป็นหน้าที่ของ รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลปัจจุบันจะแก้ไขแต่เพียงเล็กน้อย เท่านั้น และถ้าดูร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็จะเห็นว่า แนวโน้มเป็นไปใน ทางที่นายกรัฐมนตรีปรารภ เพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กำหนดให้มีเพียงการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อปฏิรูปตำรวจภายในระยะเวลา 1 ปี
การปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเรื่องที่อาจจะคอยได้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่มีปัญหาสลับซับซ้อน แต่ปัญหาอื่นบางปัญหาเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้จะต้องรีบแก้ไข ยิ่งเร็วเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น โดย เฉพาะปัญหาที่เกี่ยวกับบุคลากร ซึ่งยึดโยงอยู่กับปัญหาการผลิตตำรวจ ทั้ง โดยโรงเรียนนายร้อยตำรวจและโดยมหาวิทยาลัย
ที่ว่าปัญหาบุคลากรเป็นปัญหาเร่งด่วนก็เพราะว่าพฤติการณ์ของตำรวจ ที่เป็นภัยต่อประชาชนมีมากและบ่อยครั้งขึ้น ครั้งล่าสุดก็เช่นใน กรณีนายตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกกับนัก ศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ซึ่งฝ่ายตำรวจขับรถไล่ยิงและทำ ร้ายร่างกายนักศึกษาจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อคืนวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านไปนี้ ซึ่งส่อให้เห็นความเมาอำนาจของตำรวจ
การแก้ปัญหาเกี่ยวกับบุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบันกระทำที่ปลายเหตุ โดยให้ผู้กระทำความผิดออกจากราชการไว้ก่อน แล้ว จึงตั้งกรรมการสอบสวนและดำเนินคดีทางวินัยและทางอาญา ยังไม่เคยปรากฏเลยว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือการผลิตหรือการ
ให้การศึกษาอบรมในขณะที่ยังเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหรือนักศึกษา มหาวิทยาลัย ด้วยการอบรมปลูกฝังคุณธรรม เพื่อให้ตระหนักในหน้าที่ ความรับผิดชอบที่ตำรวจมีต่อประชาชน โรงเรียนนายร้อยตำรวจยังฝึก อบรมนักเรียนแบบทหาร โดยให้นักเรียนฟังคำสั่งของผู้มียศตำแหน่งสูง กว่าโดยไม่ต้องคำนึงถึงเหตุผล การฝึกอบรมทำนองนี้เป็นการปลูกฝังนิสัย ยกตนข่มท่าน ทำให้นักเรียนนายร้อยตำรวจห่างเหินกับประชาชน และเห็น ประชาชนเป็นลูกไล่
ถ้าหากจะให้ตำรวจเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นผู้รับใช้ประชาชน จริงๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องรื้อระบบการฝึกอบรมตำรวจทั้ง ระบบแล้ววางระบบใหม่ การฝึกและระเบียบวินัยแบบทหารยังจำเป็นต้อง มีอยู่เพราะตำรวจเป็นผู้ถือและใช้อาวุธ แต่โรงเรียนตำรวจจะต้องเน้นเรื่อง คุณธรรมและมนุษยสัมพันธ์ด้วย โดยบรรจุเป็นวิชาหลักและบังคับไว้ใน หลักสูตรทั้งภาควิชาการและภาคปฏิบัติ ส่วนมหาวิทยาลัยที่ผลิตผู้จะไป เป็นนายตำรวจ ก็จะต้องบรรจุวิชาดังกล่าวไว้ในหลักสูตรเช่นเดียวกัน
และเพื่อให้สอดรับกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องคอยสอดส่อง ดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับชั้นให้ประพฤติตนอยู่ในกรอบของคุณธรรม และมนุษยสัมพันธ์ด้วย ตำรวจที่มีพฤติการณ์ส่อความไร้คุณธรรมและ มนุษยสัมพันธ์จะต้องถูกว่ากล่าวตักเตือนหรือลงโทษโดยไม่ชักช้า ผู้บังคับ บัญชาที่ปล่อยปละละเลย ไม่กำกับดูแลตำรวจในบังคับบัญชาจะต้องถูกลง โทษเช่นเดียวกัน
การปรับปรุงคุณภาพของตำรวจเป็นเรื่องเร่งด่วน และเป็นเรื่องที่ทั้ง โรงเรียนตำรวจและมหาวิทยาลัยจะต้องทำพร้อมกัน ตำรวจถูกปล่อยให้ หลงระเริงและเมาอำนาจมานานจนกลายเป็นเนื้อร้ายไปแล้วเกือบทั้งร่าง หากจะต้องบำบัดด้วยการผ่าตัดเอาส่วนที่ร้ายทิ้งไปและปลูกถ่ายส่วนดีให้ ใหม่ก็ต้องทำ และทำเดี๋ยวนี้
หากลังเลใจและยังคิดว่าต้องคอยให้รัฐบาลใหม่ทำ เราจะได้สำนัก งานโจรแห่งชาติแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนได้รัฐบาลใหม่อย่าง แน่นอน.