ทายาทกระทิงแดงขอสอบพยานเพิ่มทำคดีขับชน ตร.ตายช้า! อสส.เร่งส่งฟ้องศาล
โฆษก อสส. เผย ทายาทกระทิงแดงขับรถชน ตร.ตาย ร้องขอความเป็นธรรม-สอบพยานเพิ่ม ต้นเหตุทำคดีล่าช้า พนง.สอบสวน สน.ทองหล่อสอบเสร็จแล้ว ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา ‘พงษ์นิวัฒน์’ กำชับ-เร่งให้นำตัวมาส่งฟ้องศาลโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แถลงถึงผลความคืบหน้าในคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา บุตรชายนายเฉลิม อยูวิทยา มหาเศรษฐีเมืองไทย เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง ขับรถชนตำรวจ เหตุเกิดบริเวณ สน.ทองหล่อ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2556 อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ 3 ข้อหา 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย 2.ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควร และแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียง (อายุความ 5 ปี) และ 3.ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษก อสส. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า ตามที่สังคมและสื่อมวลชนติดตามการดำเนินคดีดังกล่าว มีอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่ ประเด็นคดีขาดอายุความสำหรับข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งมีโทษปรับ 1,000 บาท นั้น ทั้งสองความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท กับข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี (อายุความ 15 ปี) ดังนั้นอายุความของความผิดทั้งสองข้างต้นเมื่อขาดไปไม่กระทบต่อการดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายที่มีโทษหนักที่สุด
ส่วนสาเหตุที่ขาดอายุความนั้น เรือโทสมนึก กล่าวว่า หลังจากที่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ และแจ้งให้มาพบพนักงานอัยการ พร้อมมีหนังสือแจ้งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อให้ติดตามตัวมาฟ้อง ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ที่จะขาดอายุความในวันที่ 3 ก.ย. 2556 แต่ทนายความของนายวรยุทธ ได้ยื่นหนังสือต่อพนักงานอัยการขอเลื่อนนัดส่งตัว เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2556 อ้างว่านายวรยุทธอยู่ประเทศสิงคโปร์ และป่วยกะทันหัน ซึ่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 พิจารณาแล้วเห็นว่า มีพฤติการณ์ประวิงคดี จึงมีคำสั่งแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการร้องขอต่อศาลเพื่อออกหมายจับ ดังนั้นการที่คดีขาดอายุความในสองข้อหาดังกล่าว เป็นเพราะนายวรยุทธ ไม่มาพบพนักงานอัยการ จึงทำให้พนักงานอัยการไม่สามารถฟ้องต่อศาลได้ แต่ยังสามารถดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายที่มีโทษหนักสุดได้อยู่ เพราะมีอายุความ 15 ปี
เรือโทสมนึก กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นความล่าช้านั้น เนื่องจากเมื่ออัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 และอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธแล้ว แต่พนักงานอัยการยังไม่อาจยื่นฟ้องต่อศาลได้ เนื่องจากระหว่างรอส่งตัวมาฟ้อง ปรากฏว่านายวรยุทธไม่มาพบพนักงานอัยการ แต่ได้ให้ทนายความร้องขอความเป็นธรรมกับพนักงานอัยการหลายครั้งหลายหน ซึ่งอ้างประเด็นใหม่ และพนักงานอัยการได้สั่งสอบสวนเพิ่มเติมให้ตามคำขอ แต่เมื่อสอบเพิ่มแล้วก็สั่งยุติเรื่องขอความเป็นธรรม โดยยืนยันให้นายวรยุทธมาพบพนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้องตามคำสั่งเดิม กระทั่งเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2557 นายวรยุทธร้องขอความเป็นธรรมให้ชะลอการขอให้พนักงานสอบสวนขอหมายจับ และขอความเป็นธรรมให้สอบพยานเพิ่มอีก 5 ปาก โดยอ้างประเด็นใหม่ซึ่งไม่เคยปรากฏในสำนวนการสอบสวน ซึ่งพนักงานอัยการก็ดำเนินการสอบสวนให้ตามขอ โดยได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวนให้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาโดยตลอด
“ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้ส่งผลสอบสวนเพิ่มเติมมาให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่ง ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริการ อสส. ได้กำชับให้พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบ เร่งพิจารณาผลการสอบสวนเพิ่มเติม และมีคำสั่งโดยเร่งด่วนแล้ว” เรือโทสมนึก กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีร้องขอความเป็นธรรมถือเป็นการประวิงเวลา เพื่อให้คดีหมดอายุความก่อนหรือไม่ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษก อสส. กล่าวว่า ตรงนี้เป็นดุลยพินิจของพนักงานอัยการ โดยจะพิจารณาว่ามีประเด็นที่ต้องสอบต่อหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ยุติ แต่ถ้ามีประเด็นที่ต้องการกระจ่างแจ้ง พนักงานอัยการต้องสอบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ถ้าไม่ดำเนินการให้อาจผิดระเบียบพนักงานอัยการ และอาจถึงขั้นมีความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ ซึ่งกรณีนี้ต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป
อ่านประกอบ : ผ่านไป 4 ปี ยังไม่สั่งฟ้อง! อัยการ โยนตร.ดองคดีทายาทกระทิงแดง