ดร.วรากรณ์ ชี้ 2 คำสั่งคสช. ทำแล้ว ปฏิรูปการศึกษา ปัดตอบถอยหลังเข้าคลองหรือไม่
อดีตรมช.ศธ. ระบุ จำนวนครูทั่วประเทศกว่า 3.5 แสนดูแลกำกับลำบาก บางโรงเรียนครูเกิน บางโรงเรียนขาด โยกย้าย หรือย้ายโอนข้ามเขต คิดตามกิโลเมตรที่ย้าย ชี้มีผลประโยชน์ต้องจ่ายเพิ่มเติม อึ้งโรงเรียนกว่า 3 หมื่นแห่ง พบกว่าครึ่งมีเด็กเรียนไม่ถึง 120 คน
รองศาสตราจารย์ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวปาฐกถาเรื่อง "ความท้าทายของการศึกษาไทยในทศวรรษหน้า" เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ณ ศูนย์ปฏิบัติการโรงแรมศาลายา พาวิลเลียน
ตอนหนึ่ง รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวถึงคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ 11/2559 เรื่อง การบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค และ 11/2559 เรื่องการบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค โดยประกาศยุบเขตพื้นที่การศึกษา และให้มารวมที่จังหวัด ซึ่งหลายคนมองว่า ย้อนหลัง ส่วนตัวไม่รู้ว่าย้อนหลังหรือไม่ แต่เมื่อมีการเรียกร้องปฏิรูปการศึกษามานานแล้ว นี่เป็นการทำให้แล้ว และเชื่อว่าไม่ได้แค่นี้จะมีคำสั่งมาตามมาอีกหลายอย่าง เพื่อให้การบริหารจัดการการศึกษาไปได้
อดีตรมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงจำนวนครูทั่วประเทศกว่า 3.5 แสนคนนั้น ปัจจุบันดูแลกำกับลำบากมาก บางโรงเรียนครูเกิน บางโรงเรียนครูขาด โดยเฉพาะปัญหาการโยกย้ายครู ฉะนั้น ครูก็จะอยู่แต่โรงเรียนใหญ่ๆ ในเมือง แต่ในชนบทไม่มี หรือจะมีครูได้ก็ต่อเมื่อมีครูใหม่มาบรรจุ
"ที่ผ่านมาแต่ละพื้นที่มีเขตอำนาจการตัดสินใจของตัวเอง กว่าจะย้ายครูไม่ดีสักคนหนึ่ง ส่วนกลางยังทำไม่ได้ ขณะที่ย้ายโอนข้ามเขตก็คิดตามกิโลเมตรที่ย้าย มีผลประโยชน์ต้องจ่ายเพิ่มเติม"
ส่วนงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการที่ได้ปีละเกือบ 5 แสนล้านบาทต่อปี รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวว่า กลับพบว่า การศึกษาบ้านเราไม่ได้คุณภาพ ขณะที่ครูไทยอายุเฉลี่ย 50-60 ปี มีถึง 40%ส่วนตัวเลขโรงเรียน 32,000 แห่งในประเทศไทย ก็พบว่า กว่าครึ่งมีเด็กเรียนไม่ถึง 120 คน และไม่สามารถยุบได้เพราะปัญหาการเมือง ทำอะไรไม่ได้ สั่งครูไม่ได้ เอามารวมกันหมดโรงเรียนเล็กๆ ท้องถิ่นก็ไม่ยอม