3 เดือนคดีไม่คืบ กรณีนายฟาเดลถูกอุ้มหาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จี้ตร.เร่งจัดการ
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งสืบสวนกรณีการหายตัวไปของ นายฟาเดล เสาะหมาน หลัง 3 เดือนคดีไม่คืบ
สืบเนื่องจากกรณีที่นายฟาเดล เสาะหมาน ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ใช้กำลังบังคับเอาตัวและหายสาบสูญไปตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2559 จนถึงขณะนี้ เป็นเวลากว่า 3 เดือนยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ออกหนังสือเรียกร้องให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้เร็วที่สุด
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ตั้งข้อสังเกตการหายตัวไปของนายฟาเดล อดีตผู้ต้องขังถูกเจ้าหน้าที่จับกุมฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับความมั่นคงที่ศาลจังหวัดปัตตานีได้มีคำพิพากษายกฟ้อง แต่หน่วยงานความมั่นคงก็ยังคงเฝ้าติดตามพฤติกรรมของนายฟาเดลและสมาชิกในครอบครัวของนายฟาเดลมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 นายฟาเดลได้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แล้วถูกนำตัวไปควบคุมที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เป็นเวลา 7 วัน และก่อนการหายตัวไปตามคำบอกเล่าของญาติว่าระหว่างวันที่ 17 มกราคม ถึงวันที่ 23มกราคม 2559 ก็ได้มีการนำตัวนายฟาเดลไปยังที่ค่ายทหารอีกแห่งหนึ่งเป็นเวลา 7 วัน และนายฟาเดลได้กลับบ้านมาหนึ่งวันแล้วถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ใช้กำลังบังคับเอาตัวและหายสาบสูญไป
ซึ่งในหนังสือฉบับดังกล่าวระบุข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบของมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมระบุว่าเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 24 มกราคม 2559 นายฟาเดลได้ออกจากบ้านพร้อมรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ทะเบียน ก 670 ปัตตานี โดยขณะที่เข้าไปทำภารกิจในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ได้มีคนร้ายขับรถยนต์เก๋งสีดำเข้าไปในโรงเรียนและจอดรถบริเวณสนามฟุตบอล ทันใดนั้น ได้มีชายฉกรรจ์ 3 คน ลงจากรถและวิ่งไปทางอาคารห้องพักครูซึ่งห่างจากรถที่จอดอยู่ประมาณไม่เกิน5 เมตร จากนั้นชายฉกรรจ์ 2 คน ได้เข้าล็อกแขนนายฟาเดลคนละข้าง ลากตัวมาที่รถยนต์ซึ่งกำลังจอดอยู่ ขณะที่ชายอีกคนวิ่งมาเปิดประตูรอไว้ก่อนแล้ว จากนั้นได้ไปนั่งที่นั่งคนขับ โดยมีบุคคลที่อยู่ในโรงเรียนเห็นเหตุการณ์ และเห็นนายฟาเดลขณะที่ถูกลากตัวได้ขัดขืน โดยการเอามือดันไว้ที่ขอบประตูบนของรถ แต่ได้มีชายอีกคนฝั่งขวามือพยายามยกขาของนายฟาเดล และยัดขาเข้าไปในรถจนรองเท้าตกลงพื้น คนขับรถจึงได้รีบขับรถออกไปจากบริเวณโรงเรียน
ทางมูลนิธิฯมองว่า การกระทำดังกล่าวอุกอาจในเวลากลางวันในโรงเรียนที่เป็นพื้นที่สาธารณะก่อให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนในพื้นที่ในเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างมาก
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาทางญาติยังคงเฝ้าติดตามการหายตัวไปและต้องการทราบชะตากรรมของนายฟาเดล ทั้งยังได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และต่อมาพนักงานสอบสวนสภ.นาประดู่ได้ส่งหนังสือตอบกลับลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 ว่า “อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน” และ “จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนกว่าคดีจะหมดอายุความตามกฎหมาย”
โดยทาง มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ดำเนินการดังนี้
1. ขอให้ผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีหน้าที่โดยตรงในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาทั้งปวงต้องดำเนินการให้มีตรวจสอบอย่างจริงจังและอย่างเร่งด่วนในกรณีนายฟาเดล เสาะหมาน เพื่อคลี่คลายคดีร้องเรียนดังกล่าวและสืบสวนสอบสวนจนทราบชะตากรรม โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เนื่องจากมาตรการที่จริงจังของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับเรื่องร้องเรียนจะเป็นมาตรการที่ป้องปรามการบังคับให้บุคคลสูญหายรายต่อๆไป การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นอาชญกรรมที่ร้ายแรงที่สุดจึงต้องมีการสืบสวนสอบสวนอย่างคดีอาญาสำคัญโดยพลัน อย่างจริงจัง อิสระ เป็นมืออาชีพ รวมทั้งแจ้งความคืบหน้าทางคดีต่อญาติอย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอ
2. ขอให้รัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมเร่งดำเนินการ ตรากฎหมายคือพ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหายให้สอดคล้องกับหลักการสากล โดยกำหนดให้การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดทางอาญาและให้สัตยาบันในอนุสัญญาการคุ้มครองบุคคลไม่ให้มีการบังคับสูญหายขององค์การสหประชาชาติโดยไม่ชักช้า เพื่อสร้างมาตรฐานทางกฎหมายอาญาในประเทศโดยเร็วตามที่ได้ให้คำมั่นไว้กับประชาคมระหว่างประเทศและในระหว่างการทบทวนรายงานสิทธิมนุษยชนต่อองค์กรสหประชาชาติ.