สิ่งที่ดีกว่า ม.๔๔ กับ อีไอเอ
การที่รัฐบาลและ คสช. ใช้ ม.๔๔ เพื่อให้โครงการขนาดใหญ่ดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องรอผล อีไอเอ หรือการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กระทบใจคนจำนวนมากที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม สิ่งแวดล้อม และชุมชน การทำอะไรที่กระทบใจคนจำนวนมากที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมไม่เป็นความฉลาดทางยุทธศาสตร์....
ถ้าเข้าใจความจริงของแผ่นดินไทยจะรู้ว่ามีสิ่งที่ดีกว่า ม.๔๔ และอีไอเอ
แต่เนื่องจากระบบการศึกษาที่เอาการท่องวิชาในตำรามากกว่าการศึกษาจากความจริงของแผ่นดินไทย และความเป็นรัฐราชการที่เอาแต่การใช้อำนาจมากกว่าใช้ความจริง คนข้างบนหรือคนที่มีอำนาจจึงไม่เข้าใจความจริงของแผ่นดินไทย ทำให้ทำอะไรไม่ถูก แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ หรือกลับสร้างปัญหาให้ทับทวีมากขึ้น จนประเทศวิกฤตเพิ่มขึ้นๆ
ปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศคือความเหลื่อมล้ำและการขาดความเป็นธรรม
ความเหลื่อมล้ำและการขาดความเป็นธรรมนำไปสู่ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงเกือบทุกชนิด ทั้งปัญหาสุขภาพและปัญหาสังคม การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ยาเสพติด อาชญากรรม ความรุนแรงต่างๆ รวมทั้งความขัดแย้งทางการเมือง เป็นทั้งผลและเหตุของความเหลื่อมล้ำ และขาดความเป็นธรรม
คนเล็กคนน้อยคนยากคนจนที่ได้รับผลกระทบต่อชีวิตและเศรษฐกิจจากโครงการขนาดใหญ่ เช่น โรงไฟฟ้า เหมืองต่างๆ ไม่มีทางต่อสู้เลย เพราะความเหลื่อมล้ำทางอำนาจ คนเล็กคนน้อยคนยากคนจนประดุจมด แต่โครงการขนาดใหญ่ที่บอกอำนาจทุนขนาดใหญ่เป็นหมื่นเป็นแสนล้านกับอำนาจรัฐใหญ่โตประดุจช้าง จะให้มดสู้กับช้างนั้นไม่เป็นธรรม ผู้นำชาวบ้านที่พยายามต่อสู้ก็ถูกฆ่าตาย หรือทำให้สูญหายไป เช่น นายเจริญ วัดอักษร นายบิลลีกะเหรี่ยงที่ราชบุรี นี่ก็เป็นตัวอย่างว่าความเหลื่อมล้ำนำไปสู่ความรุนแรง อำนาจรัฐที่ดีจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ แต่อำนาจรัฐที่ไม่ดีจะทำให้ความไม่เป็นธรรมขยายใหญ่ขึ้น
แม้มีกฎหมายว่าโครงการขนาดใหญ่ต้องผ่านกระบวนการอีไอเอ แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เพราะในสังคมอำนาจที่มีความเหลื่อมล้ำมาก แม้วิชาการและความยุติธรรมก็โอนเอนได้ ม.๔๔ เป็นอำนาจ อีไอเอเป็นวิชาการ ในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำมากและขาดความเป็นธรรมจึงจะไม่ค่อยได้ผลเท่าใด อันเป็นที่มาของหัวข้อว่า “สิ่งที่ดีกว่า ม.๔๔ และอีไอเอ”
สิ่งที่ดีกว่า ม.๔๔ กับอีไอเอคืออะไร
ใครที่ทำงานกับชุมชนมากๆก็จะรู้ว่าผู้นำชุมชนเป็นคนดีและฉลาด และรู้ว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธโครงการขนาดใหญ่ แต่ขอให้มาปรึกษาหารือกันและหาทางออกที่ดีที่สุด ที่โครงการก็ทำได้ด้วย ชุมชนก็ดีกว่าเดิมด้วย สิ่งแวดล้อมก็ดีกว่าเดิมด้วย
ชุมชนเข้มแข็งที่สามารถจัดการตนเองให้เกิดการพัฒนาอย่างบูรณาการเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่บรรเทาความเหลื่อมล้ำและการขาดความเป็นธรรม ลำพังประชาธิปไตยแบบหนึ่งคนหนึ่งเสียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะรักษาความเป็นธรรม ดังที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษซึ่งถือว่ามีประชาธิปไตยที่มีวุฒิสภาวะแล้ว แต่ขณะนี้มีความเหลื่อมล้ำอย่างสุดๆ ในสหรัฐอเมริกาเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ๙๙ ต่อ ๑ คือการพัฒนาเป็นประโยชน์ต่อคน ๑ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่คน ๙๙ เปอร์เซ็นต์ไม่ดีขึ้นหรือกลับเลวลง ความเหลื่อมล้ำอย่างสุดๆในสหรัฐอเมริกานำไปสู่วิกฤตการณ์ทางสังคม ที่ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร คนอเมริกันที่รู้สึกว่าหมดหวังกับรัฐบาลก็พากันหันไปเลือกคนอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นคนมีความคิดในทางรุนแรง
ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุดในโลก และมีปัญหาสังคมน้อยมาก สังคมญี่ปุ่นเขาพยายามจะสนับสนุนรายย่อยให้แข็งแรง แม้เราจะได้ยินบริษัทอุตสาหกรรมญี่ปุ่นใหญ่ๆ แต่รายได้ของประเทศส่วนใหญ่มาจากรายย่อย มหาวิทยาลัยของเขาก็จะสนับสนุนรายย่อยให้แข็งแรง
ประเทศไทยขึ้นชื่อว่ามีความเหลื่อมล้ำสุดๆ บางคนว่ามากที่สุดในเอเชีย บางคนว่ามากเป็นที่ ๒ ในเอเชีย เราจะไม่มีทางแก้วิกฤตของประเทศได้ถ้าไม่ลดความเหลื่อมล้ำ การเพิ่มอำนาจให้คนเล็กคนน้อยคนยากคนจนเป็นเรื่องสำคัญ ชุมชนเข้มแข็งเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาอย่างบูรณาการและความสมดุลในสังคม
โครงการใหญ่ๆมีเงินทุนมากและมีความสามารถในการจัดการสูง ถ้าไม่ทำโดยไม่ฟังเสียงชาวบ้าน แต่ตรงข้าม ปรึกษาหารือกับผู้นำชุมชน โดยทำให้โครงการใหญ่ทำให้ชุมชนในบริเวณรอบข้างและสิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย ซึ่งจะทำได้ไม่ยากนักและเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน คือธุรกิจที่ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ธุรกิจขนาดใหญ่ก็จะกลายเป็นกลไกในการลดความเหลื่อมล้ำ คือทำให้คนเล็กคนน้อยคนยากคนจนดีขึ้น
การที่ชุมชนเข้มแข็งก็จะเอื้ออาทรต่อธุรกิจขนาดใหญ่ด้วย เพราะผู้ที่จะมาใช้แรงงานในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมเขามีฐานอยู่ในชุมชนที่เข้มแข็ง ซึ่งหมายความว่าเขามีที่อยู่อาศัย มีอาหารกิน มีครอบครัวที่อบอุ่น ความบีบคั้นในชีวิตของผู้ใช้แรงงานก็ลดลง ผลิตภาพจะเพิ่มขึ้น และแรงกดดันเรื่องแรงงานขั้นต่ำก็ลดลง นี้คือที่เรียกว่า เศรษฐกิจมหภาคกับเศรษฐกิจชุมชนเชื่อมโยงอย่างเกื้อกูลกัน
เมื่อใดที่เศรษฐกิจมหภาคกับเศรษฐกิจชุมชนเชื่อมโยงอย่างเกื้อกูลกัน เมื่อนั้นประเทศไทยจะไปโลด เพราะเศรษฐกิจชุมชนเป็นเศรษฐกิจบูรณาการ ที่บูรณาการกับชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความสมดุล ส่วนเศรษฐกิจมหภาคเป็นเศรษฐกิจพลัง เมื่อเชื่อมโยงกันก็เป็นความสมดุลที่มีพลัง
ฉะนั้นจึง กล่าวว่า “มีสิ่งที่ดีกว่า ม.๔๔ กับอีไอเอ” ด้วยประการฉะนี้.