‘ประพัฒน์’ ฟ้องศาลปค.ฟื้นคดีคลองด่านใหม่ ระงับรัฐจ่ายค่าโง่หมื่นล้าน
'ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์' พร้อมอดีตบิ๊ก ขรก.ทส. ยื่นศาลปกครองกลาง ขอพิจารณาคดีคลองด่านใหม่ ป้องกันรัฐเสียค่าโง่ 1 หมื่นล้านบาท ป้องกันผลประโยชน์ชาติ
วันที่ 15 มีนาคม 2559 ที่ศาลปกครองสูงสุด นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และกรรมการชุดบริหารสัญญาโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน รวม 7 คน เข้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่ เรื่องคดีที่ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุดเคยพิจารณาบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ
โดยสุดท้ายแล้วเป็นเหตุให้ทางราชการเจรจาจ่ายเงินให้กับฝ่ายกิจการร่วมค้าในโครงการคลองด่าน จำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้จ่ายไปแล้ว 4 พันล้านบาท หรือร้อยละ 40 เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2558 และมีกำหนดจ่ายต่อไปอีก 2 งวด ๆ ละประมาณ 3 พันล้านบาท ภายในวันที่ 21 พ.ค. 2559 และ 21 พ.ย.2559 ตามลำดับ
นายประพัฒน์ กล่าวถึงสาเหตุมายื่นคำร้องครั้งนี้ว่า เพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่ต่อศาลปกครองกลาง เนื่องจากฝ่ายราชการแพ้คดีและต้องชดใช้ค่าโง่เป็นเงินจำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยจากการตรวจสอบ พบว่า คณะอนุญาโตตุลาการ ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุดไม่ได้ยึดถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีอาญาของศาลแขวงดุสิตที่ได้พิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษ เป็นฝ่ายชนะคดีทั้ง 2 สำนวน
กล่าวคือ สำนวนฉ้อโกงเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินจำนวน 1,900 ไร่ และสำนวนฉ้อโกงสัญญาว่าจ้างเกี่ยวกับกรณีปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องบริษัทผู้เชี่ยวชาญ คือ บริษัท นอร์ทเวส วอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ถอนตัวและบอกเลิกหนังสือมอบอำนาจก่อนการลงนามระหว่างฝ่ายกรมควบคุมมลพิษกับฝ่ายกิจการร่วมค้า ในปี 2540 ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะต้องยึดถือข้อเท็จจริงตามที่รับฟังได้ในคดีอาญาเป็นหลัก จึงได้ร้องขอให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ โดยฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีอาญาของศาลแขวงดุสิต
อดีต รมว.ทส.กล่าวต่อว่า ศาลแขวงดุสิตนั้นได้มีคำพิพากษาตั้งแต่ พ.ย. ปี พ.ศ. 2552 โดยศาลพิพากษาให้จำคุกบรรดากรรมการที่เป็นสมาชิกของกิจการร่วมค้าคนละ 3 ปี และให้ปรับบริษัทที่เป็นสมาชิกกิจการร่วมค้าบริษัทละ 6,000 บาท
ส่วนคดีอนุญาโตตุลาการนั้นเสร็จทีหลัง คือ ในปี พ.ศ.2554 ดังนั้นคณะอนุญาโตตุลาการจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยชี้ขาดคดีตามข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ในคดีอาญาของศาลแขวงดุสิต
นอกจากนั้นฝ่ายกิจการร่วมค้ายังได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองกลางบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ในปี 2554 ซึ่งในปี พ.ศ.2554 นั้นยังไม่มีคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีอาญา ดังนั้นศาลปกครองกลางจึงชอบที่จะมีคำพิพากษา โดยใช้ข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ในคดีอาญาของศาลแขวงดุสิตเช่นเดียวกัน แต่กรณีหาเป็นเช่นนั้นไม่ นอกจากนั้นคณะอนุญาโตตุลาการและศาลปกครองสูงสุดยังได้วินิจฉัยว่า บริษัท นอร์ทเวสต์ฯ ยังไม่ได้ยกเลิกหนังสือมอบอำนาจและยังเป็นคู่สัญญาอยู่กับฝ่ายกิจการร่วมค้า ซึ่งขัดกันกับคำพิพากษาของศาลแขวงดุสิตในคดีอาญา
นายประพัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังมีหลักฐานใหม่คือคำพิพากษาของศาลอาญา ฉบับวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ซึ่งได้พิพากษาจำคุกอดีตอธิบดีปกิต กีระวานิช อดีตอธิบดีศิริธัญญ์ ไพโรจน์บริบูรณ์ และนางยุวรี อินนา ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการในกรมควบคุมมลพิษคนละ 20 ปี ซึ่งในคำพิพากษาดังกล่าว ศาลได้วินิจฉัยด้วยว่าสัญญาว่าจ้างที่ทำระหว่างกรมควบคุมมลพิษกับฝ่ายกิจการร่วมค้านั้นเป็นสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่ต้น เพราะมีการลงนามในสัญญาว่าจ้าง โดยไม่มีบริษัท นอร์ทเวสต์ฯ
นอกจากนั้นผู้ร้องขอทั้ง 7 คน ได้ยื่นส่งคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยหรือที่จำกันได้ทั่วไปว่าคดีโครงการทางด่วน ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานว่า หากมีกรณีทุจริตเกี่ยวกับการทำสัญญาว่าจ้าง สัญญาดังกล่าวถือเป็นสัญญาที่เกิดจากการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่มีผลผูกพันทางราชการ และศาลต้องไม่บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
รมว.ทส.กล่าวด้วยว่า ทุกคนถือเป็นบุคคลที่มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกผลกระทบจากผลแห่งคดีซึ่งมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ได้เนื่องจากหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาแล้ว กรมควบคุมมลพิษและ ทส.ได้เสนอให้รัฐบาลจ่ายเงินให้กับฝ่ายกิจการร่วมค้า จากนั้นได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิด เพื่อเอาผิดตนเองและคณะ ซึ่งหากปล่อยให้ผลของคำพิพากษาเป็นเช่นนี้ ตนและคณะก็จะถูกไล่เบี้ยโดย ทส. ซึ่งเป็นการโยนความผิดให้กับตนและคณะ อันเป็นการไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง เพราะตนและคณะเป็นผู้ที่สั่งการให้มีการสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดทั้งฝ่ายข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ และฝ่ายเอกชน โดยไม่ยกเว้นผู้ใด
"การยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในครั้งนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์กับราชการในการต่อสู้เพื่อมิให้ต้องเสียค่าโง่จำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาทแล้ว ยังจะเป็นการที่ตนและคณะพิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่าเป็นฝ่ายที่ปราบทุจริต และได้ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของราชการอย่างแท้จริง รวมทั้งการดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลในวันนี้ และเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำโดยไม่เป็นธรรม" นายประพัฒน์ กล่าว เเละว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ความหวังของประชาชนที่จะไม่ต้องเห็นฝ่ายรัฐบาลต้องเสียค่าโง่นั้น นอกจากมีโอกาสในเรื่องของการที่ศาลปกครองจะพิจารณาคดีใหม่แล้ว ยังมีอีกโอกาสหนึ่งคือการที่ศาลฎีกาจะตัดสินคดีที่มาจากศาลแขวงดุสิตโดยให้ฝ่ายราชการเป็นฝ่ายที่ชนะคดี .
อ่านประกอบ:คตง.เตรียมชงรบ.วางทรัพย์แทนชำระค่าโง่คลองด่านก่อนมีคำพิพากษาศาลฎีกา
ภาคประชาชนร้องประธาน คตง. ยับยั้งรัฐบาลจ่ายค่าโง่ทุจริตคลองด่าน
ภาพประกอบ:ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์-www.aecnews.co.th, คลองด่าน-www.youtube.com