หอการค้าฯ หนุนชาวระยองปลูกมัน 1 ไร่ ได้ 1 แสน การันตีได้ผลผลิต-ราคาดี
ชาวไร่มันสำปะหลัง จ.ระยองขานรับโครงการปลูกมัน 1 ไร่ได้ 1 แสน เผยคุ้มกว่าปลูกแบบเดิม “เสาวณีย์” ชี้ผลผลิตได้เกินมาตรฐานเฉลี่ยของจังหวัด ด้านนายกฯ สมาคมรง.ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยยันมีตลาดรองรับมาก ได้ราคาดี
วันที่ 9 ธันวาคม หอการค้าไทย ร่วมกับหอการค้าจังหวัดระยอง และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการภูมิปัญญาไทย ‘ปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่ได้เงิน 1 แสน’ ที่ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เป็นโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมของหอการค้าไทย ที่ต้องการช่วยให้เกษตรกรมีความรู้ มีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งการเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกผัก มันสำปะหลัง เลี้ยงปลา เลี้ยงกบในพื้นที่เดียวกันก็เป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจากการจัดทำโครงการนำร่องในจังหวัดระยองพบว่า ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรดีขึ้น โครงการดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และรองประธานโครงการ 1 ไร่ 1 แสน กล่าวถึงผลการดำเนินโครงการดังกล่าวว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ แบบเต็มรูปแบบ ปลูกมันสำปะหลัง เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ปลูกพืชเสริม รวมทั้งปลูกพืชในพื้นที่ว่าง มีรายได้เพิ่มขึ้น ในส่วนของมันสำปะหลังเมื่อปลูกครบ 1 ปีจะมีรายได้ขั้นต่ำเฉลี่ย 43,000 บาท หากรวมกับรายได้จากการปลูกผักและเลี้ยงสัตว์แล้ว ประมาณการณ์ว่า เกษตรกรจะมีรายได้ประมาณ 120,000 บาท ขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 22,700 บาทเท่านั้น
ส่วนปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังต่อไร่นั้น รศ.ดร.เสาวณีย์ กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่า เมื่อมันสำปะหลังมีอายุประมาณ 6 เดือน ผลผลิตเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7,800 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งเมื่อเทียบกับผลผลิตมาตรฐานต่อไร่ของสำนักงานเกษตรจังหวัดระยองพบว่า มันสำปะหลังอายุ 1 ปีให้ผลผลิตอยู่ที่ 4,700 กิโลกรัมต่อเท่านั้น ฉะนั้น ผลผลิตของโครงการฯ จึงสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่นางเรณู คล้ายสุบรรรณ ชาวไร่เกษตรอินทรีย์มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง เกษตรกรหญิง 1 ใน 2 คน ที่เข้าร่วมในโครงการฯ กล่าวถึงการทำอาชีพปลูกมันสำปะหลังมา 20 กว่าปี มีแปลงมันฯ 30 ไร่ ใช้วิธีปลูกแบบปัก ดูแลด้วยปุ๋ยเคมีและกำจัดวัชพืชโดยสารเคมีทั้งหมด ซึ่งผลที่ได้ คือ หัวมันสำปะหลังไม่ใหญ่ ผลผลิตได้น้อย อีกทั้งสภาพดินยังเสีย แต่เมื่อมีโครงการฯ ‘ปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท’ เข้ามาก็รู้สึกสนใจ ทำการทดลองปลูกตามโครงการฯ ไป 1 ไร่ ระยะเวลา 4 เดือน ทดลองถอนมาตรวจวัดปริมาณแป้งได้ 24% ซึ่งคาดว่า อีก 8 เดือนข้างหน้าที่จะสามารถขายได้ปริมาณแป้งจะได้ถึงเกณฑ์ 30% ที่จะได้ราคาดีที่สุดอย่างแน่นอน
นางเรณู กล่าวต่อว่า เมื่อการปลูกมันสำปะหลังมีแบบแผนมากขึ้น ระยะการปลูกห่างขึ้น ทำให้รากมันขยายได้มากกว่า แม้จะปลูกเพียงแค่ 1 ไร่ ก็ได้ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น น้ำหนักมากขึ้น ขายได้ราคาเป็นที่พอใจ จากเมื่อก่อนที่คุณภาพไม่ดี มีปริมาณแป้งเพียง 27-28% เท่านั้น
ด้านนายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย กล่าวถึงสถานการณ์มันสำปะหลังขณะนี้ว่า เท่าที่สำรวจทั่วประเทศมีมันสำปะหลังอยู่ประมาณ 25 ล้านตัน ใน 7 ล้านกว่าไร่ ซึ่งจำนวนนี้นำไปทำแป้ง 15 ล้านตัน ทำมันเส้นส่งจีนปีละ 4 ล้านตัน ใช้ภายในประเทศอีก 1.5 ล้านตันเพื่อทำอาหารสัตว์ และทำเอทานอลประมาณ 5 แสนตัน ฉะนั้น มันสำปะหลังส่วนที่เหลืออีกประมาณ 10 ล้านตัน จึงยังไม่เพียงพอต่อการใช้ภายในประเทศ ประมาณการได้ว่าจะต้องมี 28-30 ล้านตันจึงจะพอดีกับความต้องการ
“เมื่อปริมาณมันสำปะหลังมีไม่เพียงพอต่อการทำอาหารสัตว์ภายในประเทศ จึงต้องนำอย่างอื่นมาใช้ทดแทน เช่น ข้าวที่ถูกน้ำท่วม แต่ที่เสียดายโอกาส คือ อยู่ๆ รัฐบาลก็ไปนำเข้าข้าวสาลีที่ถูกแช่น้ำจากต่างประเทศกว่า 2.5 หมื่นตัน ซึ่งผมไม่เห็นด้วย เพราะในบ้านเราก็มีข้าวที่ถูกน้ำท่วมเกรดเดียวกันอยู่แล้ว สามารถนำมาทำอาหารสัตว์หรือเอทานอล เป็นการช่วยเกษตรกรได้ การนำเข้านี้ทำให้ราคามันสำปะหลังปั่นป่วน ส่งผลให้ราคาการซื้อขายมันสำปะหลังลดลงระดับหนึ่ง จาก 3.20 บาท เหลือ 3 บาทและก่อนปีใหม่มีโอกาสเหลือ 2.90 บาท”
นายนิยม กล่าวด้วยว่า เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้อีกประมาณ 10 ล้านตันต่อปี แต่ไม่ควรเพิ่มพื้นที่การปลูกแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่า ราคาการซื้อขายมันปะหลังจะอยู่ที่ตันละ 2,800-3,000 บาททั่วประเทศอย่างแน่นอน
