สุนทรียะของหิน
"ท่ามกลางบรรยากาศความหวาดกลัวในยุครัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. คนที่ปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของตัวเองได้ดีที่สุดคือพวกประชาสังคม องค์กรพัฒนาเอกชน และปัญญาชนผู้มีการศึกษาทั้งหลาย ซึ่งมีพฤติกรรมที่ชอบอยู่ส่วนบนของขบวนการเคลื่อนไหวของประชาชน รอเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่น และฉกฉวยผลประโยชน์เฉพาะหน้า เรายังเห็นดวงตาแห่งความเอื้ออาทรของคนทุกข์คนยาก คนเล็กคนน้อยในแผ่นดิน ที่ยืนหยัดต่อสู้เพียงแค่ว่าภูเขาลูกนั้นมันคือวิถีชีวิต คือสิ่งจรรโลงใจ คือความสุข ที่พร้อมจะยอมแลกชีวิตเพื่อปกป้องมัน"
(เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์)
ไม่ว่าจะเป็นข่าวเกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลใด ๆ ที่ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. ในปัจจุบัน ที่พร้อมใช้ ม.๔๔ เร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อลดขั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานที่ล่าช้าและติดขัดทั้งหลาย หาช่องทางการเปิดประมูลให้เร็วขึ้น โดยผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับโครงการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้มีระยะเวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ ภาพความทรงจำที่ผุดขึ้นมาเสมอ ซ้อนทับกันกับภาพการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่เชื่อมต่อภูมิภาคต่าง ๆ โครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล หรือโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่อะไรอื่นอีกหลายอย่างตามนโยบายของรัฐและแผนการลงทุนของนักลงทุนเอกชน ก็คือเรื่องเล่า ‘โอ่งภูเขา’ ของป้าหอม
“ในดอยแม่ออกฮูมันเป็นโอ่งภูเขา” ป้าหอม หรือนางหอมหวล บุญเรือง นั่งอยู่ในห้องประชุมแห่งหนึ่งด้านปีกซ้ายชั้นเกือบบนสุดของศาลากลางจังหวัดเชียงราย เริ่มต้นเท้าความเป็นมาให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน ภายใต้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ฟัง เมื่อครั้งลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนการทำเหมืองหินที่ดอยแม่ออกฮู ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
ผู้หญิงวัยเลย ๖๐ ตัวผอมเล็ก ผิวคล้ำแดดจากการตรากตรำทำงานหนัก เห็นอาการอ่อนล้าเด่นชัดในดวงตาลึกใต้โหนกแก้มสูง เธอคงเล่าเรื่องนี้ให้ใครต่อใครฟังเป็นร้อยครั้งแล้ว “มันมีลักษณะเป็นตาน้ำไหลออกมาจากโอ่ง ไหลตลอดทั้งปี”
แต่น่าแปลก เมื่อถ้อยคำเริ่มพรั่งพรูออกมากลับเห็นบุคลิกตรงกันข้าม ความอ่อนล้าจางหายไปจากแววตา กลับเป็นดวงตาที่พุ่งทะลวงผู้มองเธอแทน โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่นคู่กรณีที่มาชี้แจงกับอนุกรรมการด้วยยังนั่งเบือนหน้าหนีไม่สบตา ผสานกับเสียงแจ่มชัดทุกคำ ไม่แผ่วเบาหล่นหายไปในระหว่างประโยค “มีผู้ใช้น้ำจากดอยแม่ออกฮูทำการเกษตรพื้นที่พันกว่าไร่ ทุกเดือนเก้าเป็งชาวบ้านจะร่วมใจกันประกอบพิธีถวายช้างเผือก ที่นี่มีปลาและสัตว์น้ำที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดโดยธรรมชาติแห่งเดียวในตำบลผางาม”
เธอใช้เวลาอีกไม่นานนักกับเรื่องเล่าที่พยายามชี้แจงทำความเข้าใจให้อนุกรรมการฯภายใต้คณะกรรมการสิทธิฯชุดที่สองได้รับทราบปัญหาเพื่อที่จะหาทางแก้ไข ก่อนหน้านี้เมื่อปี ๒๕๔๕ เธอเล่าเรื่องนี้ให้คณะกรรมการสิทธิฯชุดแรกฟังไปแล้วหลายครั้ง และคณะกรรมการสิทธิฯชุดแรกก็มีรายงานตรวจสอบออกมาแล้วด้วยเช่นกัน ข้อเรียกร้องของเธอก็คือให้หยุดสัมปทานทำเหมืองหินที่ดอยแม่ออกฮูเสีย เพื่อรักษาโอ่งภูเขาเอาไว้ให้กับชาวบ้านได้มีน้ำทำนา มีปูปลาได้กิน แต่นักการเมืองท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารของตำบลผางามที่มาชี้แจงต่ออนุกรรมการฯในครั้งนั้นด้วยก็ยังคงยืนกรานที่จะให้เหมืองหินดำเนินกิจการต่อไปได้
ย้อนหลังไปในช่วงเวลาที่อนุกรรมการฯภายใต้คณะกรรมการสิทธิฯชุดแรกลงพื้นที่เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๔๕ อีกสองสัปดาห์ต่อมา บุญยงค์ อินต๊ะวงศ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านร่องห้า ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ที่ร่วมกับป้าหอมและชาวบ้านหลายร้อยคนลุกขึ้นมาคัดค้านการระเบิดและย่อยหินที่ดอยแม่ออกฮูถูกคนร้ายยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเสียชีวิตคาบ้านพักเมื่อคืนวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๕
ความหวั่นเกรงต่ออิทธิพลทำให้ไม่มีพยานยืนยันเพื่อจับตัวคนยิงมาลงโทษ จนเวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบันคนร้ายก็ยังลอยนวล แม้อนุกรรมการฯภายใต้คณะกรรมการสิทธิฯชุดแรกจะออกรายงานตรวจสอบและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาที่สำคัญ คือ หนึ่ง-ให้ กพร. กำกับดูแลผู้ได้รับประทานบัตรระเบิดหินบริเวณดอยแม่ออกฮูดำเนินการเฉพาะในขอบเขตที่ได้รับประทานบัตร หากมีผลกระทบใดต่อแหล่งน้ำในถ้ำใต้ภูเขาต้องหยุดประกอบการทันที และไม่อนุญาตการต่ออายุประทานบัตรที่จะหมดอายุลงในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ของบริษัท เวียงชัยผางามก่อสร้าง จำกัด รวมทั้งกำหนดเป็นนโยบายไม่อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ไม่ว่าประเภทใด ณ บริเวณดอยแม่ออกฮูต่อไป และสอง-ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยุติการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของผู้ประกอบการทุกแปลงบริเวณดอยแม่ออกฮู และดำเนินการประกาศให้ดอยแม่ออกฮูเป็นเขตคุ้มครองสิ่งแวดล้อม แต่การระเบิดและย่อยหินที่นั่นก็ยังคงดำเนินต่อไป
เจ้าหน้าที่รัฐ-ราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลายเพิกเฉยกับความเดือดร้อนและความตายของชาวบ้าน จากผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อแหล่งน้ำสำคัญสำหรับทำการเกษตรของชุมชนที่อยู่ในถ้ำใต้ดอยแม่ออกฮู รวมทั้งเสียงดังจากเครื่องจักรและรถขนหินผ่านเข้าออกชุมชนและฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายเข้มข้น ทั้งสร้างความเดือดร้อนรำคาญและเกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วย และความขัดแย้งรุนแรงจนนำมาซึ่งการสังหารบุญยงค์ อินต๊ะวงศ์เพื่อปิดปากชาวบ้านที่เหลือให้เงียบ
ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุญยงค์ อินต๊ะวงศ์ หรือเรื่องของป้าหอมและชาวบ้านที่นั่นอีกหลายร้อยชีวิต ก็ได้เงียบหายไปพร้อมกับการยังคงระเบิดและย่อยหินอยู่ที่นั่น คู่กรณีไม่ว่าจะเป็น บริษัท เวียงชัยผางามก่อสร้าง จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดเชียงรายธนะวงศ์ ยังอยู่ครบ รวมทั้งในละแวกตำบลเดียวกันยังมีอีกสองบริษัทที่ได้สัมปทานหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างเช่นเดียวกันกับสองผู้ประกอบการแรก ได้แก่ บริษัท เชียงรายแลนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด และบริษัท หาญเจริญเอนเตอร์ไพรส์เชียงราย จำกัด
สิบกว่าปีหลังการตายของบุญยงค์ อินต๊ะวงศ์ อนุกรรมการฯภายใต้คณะกรรมการสิทธิฯชุดที่สองก็ได้มาพบป้าหอมที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายเพื่อติดตามและตรวจสอบความคืบหน้าในกรณีร้องเรียนดังกล่าว แต่การประชุมในวันนั้นไม่มีข้อสรุปใด ๆ เพราะคณะกรรมการสิทธิฯมีอำนาจหน้าที่เพียงแค่ทำรายงานการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ชี้ให้เห็นถึงการละเมิดสิทธิที่ส่งผลเสียหายต่อธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบของหน่วยงานรัฐ-ราชการและบริษัทเอกชนต่าง ๆ แล้วส่งรายงานต่อให้รัฐบาลและหน่วยงานราชการต่าง ๆ นำไปพิจารณาปฏิบัติและสั่งการ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่สั่งการหน่วยงานราชการใด ๆ โดยตรงได้
หลังจากเลิกประชุม บุคลิกของป้าหอมก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิม เดินออกจากห้องประชุมไปด้วยแววตาอ่อนล้าเหมือนตอนเริ่มต้นเข้ามา คนที่อ่อนล้าแค่ท่าเดินก็เห็นชัดว่าอ่อนล้า แค่แกว่งแขนระหว่างเดินก็หมดเรี่ยวแรงไม่กระฉับกระเฉง
อีกหลายพื้นที่ของประเทศ หลายครั้งหลายหนที่การต่อสู้ของชาวบ้านต่อสัมปทานระเบิดและย่อยหินมักนำมาซึ่งความสูญเสียถึงชีวิต ครูประเวียน บุญหนัก เลขาธิการสมัชชาเกษตรรายย่อยภาคอีสาน เขต ๔ ผู้นำการคัดค้านเหมืองหินและโรงโม่หินที่ภูผาน้อยของบริษัท สุรัตน์การศิลา จำกัด ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย ถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าที่ว่าการอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๓๘ นายทองม้วน คำแจ่ม กำนัน ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ผู้นำการคัดค้านสัมปทานโรงโม่หินที่บริเวณผายา ผาจันได ณ ท้องที่ปกครองของเขา ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๔๒ พร้อม ๆ กันอีกคน นายสม หอมพรหมา ชาวบ้านวังหินซา ถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกำนันทองม้วน นายพิทักษ์ โตนวุธ อดีตประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ปรึกษาชาวบ้านลุ่มน้ำชมพู ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ที่ร่วมคัดค้านการระเบิดหินและโรงโม่หินที่เทือกเขาผาแดงรังกายกับชาวบ้าน ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๔
และอีกหลายพื้นที่ของประเทศที่คนเล็กคนน้อยลุกขึ้นมาต่อสู้การระเบิดและย่อยหินยังถูกคุกคามต่อเนื่อง ท่ามกลางอันตราย แต่เจตจำนงในการมีชีวิตนั้นสูงส่ง ถึงแม้จะถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องก็ยังคงต่อสู้คัดค้านอยู่ ด้วยเป้าหมายที่เรียบง่ายและชัดเจน ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ก็เพียงแค่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี ดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี กินอิ่ม นอนอุ่น สงบสุข
นับตั้งแต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๓๘ กำหนดให้มีแผนปฏิบัติการเพื่อเปลี่ยนการระเบิดและย่อยหินไปเป็นเทคโนโลยีการทำเหมืองหิน และกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗๗ (พ.ศ. ๒๕๓๙) รองรับเพื่อกำหนดให้หินทุกชนิดเป็นแร่ชนิดหินประดับ หรือแร่ชนิดหินอุตสาหกรรม โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๙ ส่งผลให้กิจกรรมการระเบิดและย่อยหินตามมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมที่ดิน เปลี่ยนมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กพร. ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ แทน และตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวกำหนดให้ต้องทำการประกาศแหล่งหินเพื่อการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมในแต่ละพื้นที่ด้วย ปัจจุบันรัฐได้ประกาศกำหนดแหล่งหินอุตสาหกรรมไปแล้วกว่า ๑๐ ครั้ง มีจำนวนแหล่งหินใน ๕๓ จังหวัดทั่วประเทศถูกประกาศไปแล้ว ๓๒๗ แหล่ง บนพื้นที่ ๑๔๕,๙๑๑ ไร่ ปริมาณสำรอง ๙,๔๑๗ ล้านเมตริกตัน
ไม่ว่านโยบายของรัฐจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยอ้างความจำเป็นของการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น จึงทำให้การลงทุนในอุตสาหกรรมก่อสร้างประเภทต่าง ๆ ขยายตัวมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๕ ในยุครัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. ที่ประกาศเดินหน้าเร่งรัดผลักดันรถไฟทางคู่หลายเส้นทางหลายพันกิโลเมตร และระบบขนส่งเชื่อมโยงอื่น ๆ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ด้วยงบประมาณที่สูงกว่าเดิมอีกครึ่งหนึ่งสำหรับโครงการในแบบที่แทบลอกเลียนมาจากโครงการยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือ จาก ๒ ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น ๓ ล้านล้านบาทเป็นอย่างต่ำ อันเป็นผลให้ความต้องการใช้หินซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการก่อสร้างจะเพิ่มสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม นโยบายการประกาศกำหนดแหล่งหินเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างของรัฐมีความผิดพลาดอย่างยิ่ง ตรงที่การกำหนดแหล่งหินเพื่อการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมหลายพื้นที่ได้ทับซ้อนลงไปในพื้นที่ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร พื้นที่ที่มีความอ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ที่สาธารณประโยชน์ ป่าชุมชนใช้สอย แหล่งท่องเที่ยว แหล่งโบราณวัตถุ โบราณสถาน แหล่งอนุรักษ์ด้านศิลปวัฒนธรรมและโบราณคดี ของชุมชนท้องถิ่น ไม่เว้นแม้กระทั่งแหล่งธรณีวิทยาและชีวธรณีวิทยาที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้เพื่อการศึกษาย้อนอดีตสู่กำเนิดโลกและสิ่งมีชีวิตในอดีตก็ยังถูกกำหนดเป็นแหล่งหินเพื่อการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมซ้อนทับลงไป
ท่ามกลางนโยบายและโครงการพัฒนาในยุครัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. ที่ถาโถมเข้าใส่ ความพยายามที่จะลดกระบวนการและขั้นตอนการพิจารณาในส่วนของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) และกระบวนการประเมินหรือวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA ) ให้มีระยะเวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้เพื่อทำให้การเปิดประมูลรวดเร็วขึ้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้กระทำอย่างโจ่งแจ้งและรวบรัดไม่ฟังเสียงประชาชน ด้วยการประกาศใช้ ม.๔๔ แต่พอเห็นกระแสสังคมไม่ตอบรับจึงเปลี่ยนรูปแบบการใช้ ม.๔๔ ให้นุ่มนวลขึ้น โดยจำแลง ม.๔๔ เป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) โดยเห็นชอบผ่อนปรนเงื่อนไขศึกษาความเป็นไปได้และศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโครงการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ จากระยะเวลา ๑ ปี ๑๐ เดือน เหลือ ๙ เดือนแทน โดยอ้างว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในการกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติตามมาตรา ๑๘ (๘) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิรูประบบการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ ที่แต่เดิมหน่วยงานต่าง ๆ จะต้องศึกษา พิจารณาและอนุมัติ/อนุญาตตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดไว้ เช่น การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม การจัดซื้อจัดจ้าง ฯลฯ ตามลำดับก่อนหลัง แต่มติ ครม.ดังกล่าวสามารถให้หน่วยงานต่าง ๆ ศึกษา พิจารณาและอนุมัติ/อนุญาตตามขั้นตอนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของตัวเองไปพร้อม ๆ กันได้เลย ไม่ต้องรอลำดับก่อนหลังอีกต่อไป
ต่างกันมากกับรัฐบาลชุดที่แล้วที่ภาคประชาสังคมออกมาคัดค้านโจมตีโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการน้ำ ๓.๕ แสนล้านบาท และโครงการเงินกู้เพื่อการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ๒ ล้านล้านบาท กันอย่างเอิกเกริก ข้อโจมตีหนึ่งต่อรัฐบาลชุดที่แล้วเกี่ยวกับโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการน้ำ ๓.๕ แสนล้านบาท ก็คือการออกแบบวิธีการประมูลแบบลัดขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนด คือ หาผู้ชนะการประมูลก่อนแล้วจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ ย้อนหลัง
แต่กับรัฐบาลนี้พวกเขาเลือกที่จะปิดปากตัวเอง
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายเลิศศักดิ์จาก greennewstv.com