'ธนชาต'แจงปม'สกสค.'ขู่ฟ้อง 2.1 พันล. ยันผู้มีอำนาจลงนาม2ราย ตามเงื่อนไข
'บมจ.ทุนธนชาต' แจงปม 'สกสค.' ขู่ฟ้องแพ่งเรียกเงิน 2.1 พันล.พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี เผยถอนเงินมาตั้งแต่ 27 ธ.ค. 56 ผู้มีอำนาจลงนาม 2 ราย ตรงตามเงื่อนไข ยันผู้บริหารทราบเรื่องดี อีกทั้ง ไม่ท้วงติงใด ๆ ระบุมีหนังสือชี้แจงแล้ว 3 ครั้ง กรณี ธ.ไม่สามารถใช้เงินตามที่ร้องได้
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดำเนินการตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้มูลความผิดฐานฉ้อโกงกับ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ฐานเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดกับอดีตผู้บริหาร สกสค. กรณีการซื้อตั๋วสัญญา มูลค่าความเสียหายประมาณ 2.5 พันล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 214 โดย เสนอให้ดำเนินคดีอาญากับผู้บริหาร และกรรมการบริษัทบิลเลี่ยน ฯ รวมถึง ให้ดำเนินคดีอาญากับอดีตผู้บริหาร สกสค. อดีตประธานกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และคณะกรรมการ สกสค. ที่มีส่วนในการอนุมัติเงินในการซื้อตั๋วสัญญากับบริษัทบิลเลี่ยน ฯ ทุกคน โดย บุคคลที่เป็นข้าราชการให้ดำเนินการทางวินัยด้วย นั้น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2559 นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด(มหาชน) มีหนังสือถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง ข่าวเกี่ยวกับกรณีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จะฟ้องแพ่งธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน)
โดยระบุเนื้อหาว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนว่า เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. จะฟ้องแพ่งธนาคาร ฯ เพื่อขอให้คืนเงิน จำนวน 2,100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยอ้างว่า การอนุมัติถอนเงินและปิดบัญชีเงินฝากที่สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ฝากไว้กับธนาคาร ฯ เมื่อ 27 ธ.ค. 2556 ไม่ถูกต้อง นั้น
บมจ.ทุนธนชาต ขอเรียนว่า เรื่องดังกล่าว ธนาคาร ฯ ได้มีหนังสือชี้แจงต่อสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ถึงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานโดยละเอียดแล้ว 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2559 ,วันที่ 28 ม.ค. 2559 และวันที่ 23 ก.พ. 2559 รวมทั้ง ได้มีการเข้าพบหารือ กรณีที่ธนาคาร ฯ ไม่สามารถชดใช้เงินที่สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. เรียกร้องมาได้ ตามเหตุผลโดยสรุป ดังนี้
1.แบบฟอร์มการถอนเงิน และแบบฟอร์มการโอนเงินบาทเน็ตของรายการดังกล่าว มีการลงนามร่วมกัน โดย ผู้มีอำนาจ 2 ท่าน ตรงตามเงื่อนไขในการสั่งจ่ายเงินที่สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. กำหนด พร้อมนำส่งสมุดเงินฝากเพื่อบันทึกรายการ และผู้มีอำนาจสั่งจ่ายได้ลงนามรับเงินตามจำนวนดังกล่าวจากธนาคาร ฯ แล้ว จึงเป็นการปฏิบัติการที่ถูกต้องตามระเบียบของธนาคาร ฯ ว่าด้วยการถอนเงินและการโอนเงินทุกประการ
2.การถอนเงินและการโอนเงิน เป็นไปตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของมติคณะกรรมการ ฯ โดย เจ้าหน้าที่ของธนาคาร ฯ ไม่มีสิทธิหรือมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ
3.หนังสือของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ที่ลงนาม โดย รองเลขาธิการปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการ เรื่อง ขอปิดบัญชี ซึ่งถูกนำมาเป็นข้อเรียกร้องกับธนาคาร ฯ ว่า เป็นหนังสือที่ออกโดยมิชอบ เป็นการดำเนินการโดยผู้ไม่มีอำนาจ และไม่เป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขการปิดบัญชี และการสั่งจ่ายนั้น ไม่ใช่เอกสารที่ใช้สำหรับการถอนเงินและการโอนเงินตามระเบียบของธนาคาร ฯ แต่อย่างใด
4.สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ทราบดีอยู่เเล้วว่า การอนุมัติให้นำเงินจำนวน 2,100 ล้านบาท ไปลงทุนซึ้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อรับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7 ต่อปี นั้น เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ฯ ทุกประการ และหลังจากนั้น ก็ได้รับดอกเบี้ยตามตั๋วสัญญาใช้เงินครบถ้วน แต่เมื่อถึงกำหนดชำระเงินต้นตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้วไม่ได้รับเงินต้นคืน ก็จะมาเรียกร้องให้ธนาคาร ฯ รับผิดชอบแทน ด้วยการนำหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. เรื่อง ขอปิดบัญชีที่ลงนาม โดย รองเลขา ฯ มาเป็นข้ออ้างดังกล่าวข้างต้น และกล่าวหาว่า เป็นการกระทำที่ขาดความระมัดระวังของผู้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ จึงไม่เป็นธรรมต่อธนาคาร ฯ อย่างยิ่ง และทำให้ธนาคาร ฯ ได้รับความเสียหาย
บริษัท ฯ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า การถอนเงินฝากกรณีนี้ เป็นการถอนเงินมาตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2556 โดย สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. กรรมการและผู้บริหารที่รับผิดชอบทราบเป็นอย่างดี และไม่เคยมีข้อท้วงติงใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องการถอนเงินนี้มาก่อน ตลอดจน จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของธนาคาร ฯ ยังพบว่า เรื่องนี้ได้มีการสอบสวนและตรวจสอบโดยคณะกรรมการธุรกรรม ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการการฟอกเงิน (ปปง.) อย่างชัดเจน ธนาคาร ฯ จึงได้มีหนังสือแจ้งต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติม และขอให้พิจารณาทบทวนความคิดเห็นที่เคยเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการด้วย เนื่องจาก เป็นที่ทราบจากข่าวในสื่อต่าง ๆ ว่า การดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ในเรื่องนี้มาจากความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ทั้งนี้ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ธนาคาร ฯ เป็นไปตามระเบียบด้วยความถูกต้องทุกประการ บริษัท ฯ จึงขอเรียนมาเพื่อทราบและโปรดเผยแพร่ข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาในหลายประเด็นด้วยกัน ทั้งประเด็นการซื้อตั๋วสัญญามูลค่าความเสียหายประมาณ 500 ล้านบาท การซื้อตั๋วสัญญามูลค่าความเสียหายประมาณ 2,100 ล้านบาท และการซื้อตั๋วสัญญามูลค่าความเสียหายประมาณ 400 ล้านบาท โดย ได้มอบหมายให้ฝ่ายนิติการของ สกสค. ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนและเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ไว้ที่ สน.ดุสิต เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2558 แล้ว และเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ได้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยังที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค. ที่มี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศธ. เป็นประธานรับทราบแล้ว
ขณะที่ทางธนาคารธนชาต ยืนยันมาตลอดว่า การอนุมัติเบิกถอนเงินของธนาคารเป็นไปตามระเบียบถูกขั้นตอนทุกประการ
(อ่านประกอบ : เบื้องหลังเกมไล่ล่า2 พันล.สกสค.คืน บีบแบงก์รับผิดชอบ อำพรางคดีช่วย ไอ้โม่ง?)
ข่าวประกอบ: http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=43853&Key=hotnews