คุก-เครียด-ป่วย! วิบากกรรม‘เสี่ยเปี๋ยง’ จากพ่อค้าข้าวชื่อดังสู่จำเลยจีทูจีเก๊
“…หากคดีนี้ศาลฎีกาฯพิพากษาว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ มีความผิดแล้วต้องโทษจำคุก ก็เป็นไปได้ว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อาจไม่ได้ออกมาสู่โลกภายนอกอีกตลอดกาล ? เพราะคดีนี้มีโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต และมีค่าปรับกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจทำให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ต้องล้มละลายตามรอยบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด…”
นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง และผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และจำเลยคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ ไม่ได้มาฟังคำสั่งไต่สวนตามนัดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นครั้งที่ 2
ด้วยเหตุผลประการสำคัญคือ ถูกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดียักยอกข้าวในการปรับปรุงข้าวสารของรัฐมูลค่า 229 ล้านบาท เมื่อปี 2550 ทำให้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ เพิ่งแจ้งต่อองค์คณะผู้พิพากษา
ส่วนครั้งล่าสุด เรือนจำกลางสมุทรปราการแจ้งต่อองค์คณะผู้พิพากษาว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ป่วย และถูกส่งไปรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สมุทรปราการ
(อ่านประกอบ :ศาลไฟเขียวเครือสยามอินดิก้าขอวีดีโอลิงค์ถามสถานะเอกชนจีนสู้คดีข้าว)
ทำไมช่วงนี้ชีวิตของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ จึงดูสาหัสสากรรจ์เช่นนี้ ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีคำตอบ ดังนี้
‘เสี่ยเปี๋ยง’ เป็นหนึ่งในพ่อค้าข้าวชื่อดัง เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด บริษัทค้าขายข้าวรายสำคัญระดับประเทศ และเป็นคู่ค้าข้าวกับรัฐในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาอย่างยาวนาน โดยสมัยนั้นมีนายวัฒนา เมืองสุข ดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์
โดยในช่วงสมัยรัฐบาลนายทักษิณ บริษัทของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ สามารถประมูลซื้อข้าวของภาครัฐได้กว่า 2 ล้านตัน และเป็นผู้ควบคุมตลาดการค้าขายข้าวรายใหญ่ที่สุดในประเทศ
อย่างไรก็ตามในหลายสัญญาค้าข้าวกับรัฐสมัยรัฐบาลนายทักษิณนั้น ถูกตรวจสอบพบความไม่โปร่งใสหลายประการ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ไม่ว่าจะเป็นคดีการซื้อขายข้าวของรัฐยุครัฐบาลนายทักษิณ คดีบ้านเอื้ออาทรที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตรวจสอบช่วงหลังรัฐประหารปี 2549 กรณีเรียกรับเงินผู้ประกอบการเอกชนในโครงการดังกล่าว ปรากฏชื่อนายวัฒนา และนายอภิชาติ เป็นผู้ถูกกล่าวหา โดยอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบแล้ว
ขณะเดียวกันบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และนายอภิชาติ ยังถูกกล่าวหาในคดีฟอกเงิน และส่งเรื่องให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการต่อ เนื่องจาก คตส. ตรวจสอบพบหลักฐานการกระทำผิดฐานฟอกเงินอีกด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของดีเอสไอ
กระทั่งบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลาย เนื่องจากติดหนี้ธนาคารหลายแห่งกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมถูกกรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการสอบเรื่องฉ้อโกงอีกด้วย ปิดฉากบริษัทค้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของไทยไปโดยปริยาย
และชื่อของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ก็เงียบหายไปนับแต่นั้น
แต่ความพยายามของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ยังไม่หมดเท่านั้น เขาก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด โดยมีบรรดาผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด หลายคน และให้บรรดาลูก-เครือญาติเข้าไปร่วมถือหุ้น พร้อมกับเป็นกรรมการบริษัทด้วย ก่อนกลับมาลุยธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายข้าวอีกครั้ง
พร้อมกลับมาผงาดในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ปรากฏรายชื่อเป็นผู้ชนะการประมูลปรับปรุงคุณภาพข้าวสารส่งมอบองค์การสำรองอาหารแห่งประเทศอินโดนีเซีย (บูล็อก) จำนวน 3 แสนตัน ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) สังกัดกระทรวงพาณิชย์ โดยขณะนั้นมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็น รมว.พาณิชย์
อย่างไรก็ดีกรณีดังกล่าว ถูกร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหานายกิตติรัตน์ กับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ว่ามีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลตัวแทนปรับปรุงข้าว เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า งานประมูลดังกล่าวคนวงการค้าข้าวส่วนใหญ่ไม่ได้รับรู้กันอย่างกว้างขวาง ทำให้มีบริษัทยื่นประมูล 2 แห่ง คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ถัดจากนั้นไม่ถึง 10 วัน อคส. ก็ประกาศให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ชนะการประมูล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.
ต่อมา เมื่อกลางปี 2557 ศาลแขวงสมุทรปราการพิพากษาลงโทษบริษัท เพรซิเดนท์ อะกิ เทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 1 นายอภิชาติ จำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขแดง 1755-1756/2558 และ 1757-1758/2558 ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวงสมุทรปราการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก หลังจากไม่นำข้าวสารที่ได้รับการว่าจ้างให้ปรับปรุงจากกรมการค้าต่างประเทศมาส่งมอบคืนในช่วงปี 2550 แต่นำไปส่งออกต่างประเทศเอง ซึ่ง ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อุทธรณ์
ล่าสุด ช่วงปลายปี 2558 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะพิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกนายอภิชาติ สำนวนละ 3 ปี รวมจำคุกสองสำนวนเป็นเวลา 6 ปี ไม่รอลงอาญา และปรับบริษัทเพรซิเดนท์ฯ สำนวนละ 6,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,000 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมคืนข้าวสารที่ยักยอกไปในสำนวน อ.833-834/2558 จำนวน 16,400 ตัน หรือใช้เป็นเงินแทนจำนวน 175,480,000 บาท ให้กับกรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ ผู้เสียหาย และให้ร่วมกันคืนข้าวสารในสำนวน อ.835-836/2558 จำนวน 4,742.96 ตัน หรือใช้เงินแทน 54,385,902.07 บาท รวมเป็นเงินที่ต้องชดใช้กว่า 229 ล้านบาท
(อ่านประกอบ : ชัดๆ พฤติการณ์-หลักฐานมัด'เสี่ยเปี๋ยง'ยักยอกข้าวรัฐ 229ล.ก่อนนอนคุกปากน้ำ)
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวจากเรือนจำกลางสมุทรปราการว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ถูกส่งตัวเข้ามาอยู่เรือนจำกลางสมุทรปราการตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2558 ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในแดน 3 ซึ่งเป็นแดนที่ควบคุมดูแลนักโทษคดีสำคัญ
สำหรับการใช้ชีวิตของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ก็เหมือนกับนักโทษคนอื่น ๆ ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ที่พัก กิจวัตรประจำวัน ไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือกว่านักโทษรายอื่น โดยมีกิจวัตรหลักคือ สวดมนต์ 2 รอบ ช่วงตี 5 และช่วง 5 โมงเย็น
อย่างไรก็ดีในช่วงแรกที่ถูกส่งตัวเข้ามา ‘เสี่ยเปี๋ยง’ มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด มักอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยพูดจากับใคร แต่ปัจจุบันเริ่มปรับตัวได้บ้าง มีการอ่านหนังสือ และออกกำลังกาย
แต่ก็ยังดูมีความกังวลใจ ดูร้อนใจ เหมือนเป็นห่วงอะไรอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่คนในครอบครัวก็เดินทางมาเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ ทั้งภรรยา-บุตร-น้องสาว
ล่าสุด องค์คณะผู้พิพากษาในคดีระบายข้าวจีทูจี ส่งหนังสือแจ้งไปยังเรือนจำกลางสมุทรปราการเพื่อขอให้ส่งตัว ‘เสี่ยเปี๋ยง’ มาฟังคำสั่งนัดไต่สวน แต่เรือนจำกลางสมุทรปราการมีหนังสือตอบกลับมาว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ป่วย และถูกส่งตัวไปพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สมุทรปราการ
ทั้งนี้สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org โทรศัพท์ติดต่อไปยัง รพ.สมุทรปราการ เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ได้รับการยืนยันว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สมุทรปราการ จริง โดยอยู่ในห้องพิเศษ และมีเจ้าหน้าที่จากเรือนจำเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไม่สามารถเปิดเผยอาการป่วยได้ เนื่องจากอาจผิดจรรยาบรรณทางการแพทย์
ส่วนฝ่ายอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ร้องขอต่อศาลในคดีระบายข้าวจีทูจีว่า ให้นับเวลาการติดคุกของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ แยกออกจากกัน โดยหากมีความผิดให้นับโทษต่อจากคดียักยอกข้าวรัฐ
คงจะเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหากคดีนี้ศาลฎีกาฯพิพากษาว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ มีความผิดแล้วต้องโทษจำคุก ก็เป็นไปได้ว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อาจไม่ได้ออกมาสู่โลกภายนอกอีกตลอดกาล ?
เพราะคดีนี้มีโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต และมีค่าปรับกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจทำให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ต้องล้มละลายตามรอยบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด
ปิดฉากตำนานพ่อค้าข้าวชื่อดังอย่างถาวร ?
ทั้งหมดคือ ‘วิบากรรม’ ของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ที่เผชิญมา ไม่ว่าจะเคยขึ้นสู่จุดสูงสุดในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ก่อนเงียบหายไป และกลับมาใหม่ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
ก่อนจะดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในชีวิต เมื่อถูกคำพิพากษาศาลให้จำคุก และถูกกล่าวหาเป็นจำเลยในหลากหลายคดี
ซึ่งหลายคดีดังกล่าวกำลังงวดเข้ามาอยู่ทุกขณะตอนนี้ !
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ได้ยื่นฎีกาข้อกฎหมาย ต่อศาลฎีกาแล้ว ขณะที่อัยการศาลสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด ก็ได้ยื่นแก้ฎีกาแล้ว แต่ศาลไม่ให้ประกันตัว จึงต้องถูกควบคุมคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และปัจจุบันถูกส่งตัวเข้ารักษาอาการเจ็บป่วยที่โรงพยาบาลจริง
อ่านประกอบ : ชะตากรรม "เสี่ยเปี๋ยง" คนสนิท "แม้ว" หลังเจอโทษคุก 6 ปี คดียักยอกข้าว!