กก.ข้อมูลข่าวสารวินิจฉัยให้ ป.ป.ช. เผยสำนวนไต่สวนปมปลดอดีตนายก อบต.โทน
กก.ข้อมูลข่าวสาร คณะที่ 3 วินิจฉัยให้ ป.ป.ช. เผยสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ปมปลดอดีตนายก อบต.โทน-ลพบุรี พ้นเก้าอี้ ยันเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง สมควรได้รับทราบข้อมูลเพื่อตรวจสอบ-ปกป้องสิทธิตนเอง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย คณะที่ 3 ประจำสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) ประจำสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี วินิจฉัยให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงให้นาย ก. ผู้อุทธรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โทน อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และจังหวัดลพบุรีมีคำสั่งให้นาย ก. พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว
ทั้งนี้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคมฯ เห็นว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว การเปิดเผยจึงไม่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ตามมาตรา 15 (2) แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด ตามมาตรา 15 (4) แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว ประกอบกับผู้อุทธรณ์เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงในกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ย่อมสมควรได้รับทราบข้อมูลข่าวสารตามที่ร้องขอ เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ และปกป้องสิทธิของตนตามสมควร
ดังนั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว เห็นว่า ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเปิดเผยให้ผู้อุทธรณ์ทราบได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนาย ก. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบต.โทน และส่งรายงานให้จังหวัดลพบุรีมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง ต่อมา นาย ก. ได้ขอข้อมูลข่าวสารสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จากสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดลพบุรี แต่ถูกปฏิเสธการเปิดเผย และให้ไปยื่นเรื่องต่อสำนักงาน ป.ป.ช. แทน
หลังจากนั้น นาย ก. ได้ยื่นเรื่องขอข้อมูลข่าวสารที่สำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน 5 รายการ รวมถึงสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วย แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเนื่องจากเป็นข้อเท็จจริงหรือข้อมูลที่ได้มาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 120 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. เนื่องจากเห็นว่า การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้มาให้ถ้อยคำเป็นพยานได้ เพราะพยานคือเจ้าหน้าที่ อบต.โทน และผู้ยื่นขอข้อมูลแม้จะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ กระทั่ง นาย ก. ดำเนินการอุทธรณ์ต่อ สขร. จนคณะกรรมการฯวินิจฉัยให้สำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าว
(ดูคำวินิจฉัยฉบับเต็ม : http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABIWEBSITE/DRAWER01/GENERAL/DATA0007/00007905.PDF)
อนึ่ง ก่อนหน้านี้สำนักข่าวอิศราใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการฯ ขอให้ ป.ป.ช. เปิดเผยสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีเมื่อปี 2557 มีมติยกคำร้อง กรณีกล่าวหาคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ฐานมีพฤติการณ์ส่อทุจริตในการจัดประมูลคลื่น 3 จี แต่สำนักงาน ป.ป.ช. ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว โดยอ้างมาตรา 120 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ไม่เปิดสำนวนคดีจัดประมูล 3 จี ‘อิศรา’ทั้งที่ตีตกตั้งแต่ปี’57