สถานทูตสหรัฐปัดข่าวไอเอสล็อคเป้าไทย หน่วยข่าวยันแค่ให้ข้อมูลกว้างๆ
เจ้าหน้าที่จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ยืนยันกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ข่าวการแจ้งเตือนกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส อาจโจมตีสถานที่สาธารณะในประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่เมื่อครั้งเกิดเหตุโจมตีกลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2559
ข่าวดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์แขนงหนึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ โดยอ้างเอกสารคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยระบุข้อมูลแจ้งเตือนจากที่ปรึกษาพิเศษ สถานทูตสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่คนเดียวกันยังบอกกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า การแจ้งเตือนตามข่าว เป็นกรณีทั่วไปที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงสำหรับประเทศไทย และไม่มีการใช้คำว่า "ล็อคเป้า" ตามที่สื่อมวลชนไทยบางแขนงนำเสนอ ซึ่งมาเลเซียก็ได้รับการแจ้งเตือนเช่นเดียวกัน ถือเป็นการแจ้งเตือนจากการประเมินสถานการณ์ทั่วไปเท่านั้น
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยข่าวความมั่นคง ให้ข้อมูลสอดคล้องกันว่า การแจ้งเตือนเรื่องนี้จากทางสหรัฐ เกิดขึ้นระหว่างการประชุมด้านต่อต้านการก่อการร้าย ตั้งแต่เดือนมกราคม และเป็นการให้ข้อมูลแบบไม่เฉพาะเจาะจง จึงจัดสถานะของข่าวเป็นการแจ้งเตือนปกติ ซึ่งฝ่ายไทยก็ได้เพิ่มความเข้มด้านการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว และเป็นงานปกติที่ต้องทำ
สำหรับการแจ้งเตือนแบบเฉพาะเจาะจงนั้น จะต้องมีข้อมูลการข่าวมากกว่าที่ปรากฏ และมีรายละเอียดให้สามารถเฝ้าระวังได้มากกว่านี้ อาจเป็นข่าวจากสายลับหรือวิธีการดักรับข่าวสาร มีการระบุตัวบุคคลต้องสงสัยหรือกลุ่มที่จะปฏิบัติการได้ระดับหนึ่ง
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สอบถามจากสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้รับการยืนยันว่าทางสถานทูตไม่เคยพูดเช่นนั้น ไม่มีข้อมูลตามที่ปรากฏเป็นข่าว จึงอยากขอให้สื่อช่วยตรวจสอบข้อมูลข่าวสารก่อนนำเสนอสู่ประชาชนด้วย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในทางการข่าวยังไม่พบว่ามีกลุ่มไอเอสเข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทย และไม่มีเหตุบ่งชี้ว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น แต่จากสถานการณ์ความรุนแรงทั่วโลกทำให้ไทยป้องกันเต็มทุกภาคส่วนและไม่ประมาท ที่ผ่านมาได้ออกคำสั่งเพิ่มมาตรการป้องกันการก่อการร้ายและการก่อวินาศกรรม โดยแจ้งเตือนไปยังทุกหน่วยงานให้ร่วมป้องกันสถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า แหล่งคมนาคม และสนามบิน