ดร.ธนู กุลชล เดินหน้าแก้ปัญหาม.เอแบค คาดไม่เกิน 6 เดือน ได้ข้อยุติ
อธิการบดีใหม่ม.เอแบค พร้อมลุยงานคลี่คลายความขัดแย้ง ชี้ไม่กดดันเรื่องการทำงาน แจงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากบุคลากรในมหาวิทยาลัย ย้ำวางกรอบการทำงานไม่เกิน 6 เดือน ยุติปัญหาได้
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ดร.ธนู กุลชล ผู้ปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบค) พร้อมด้วยนายสมพล ณ สงขลา รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร และนายอภิมุข สุขประสิทธิ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการเข้าปฏิบัติหน้าที่ ณ สำนักอธิการบดี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตบางนา
ดร.ธนู กล่าวถึงแนวทางในการทำหน้าที่ว่า ก่อนจะตอบรับตำแหน่งอธิการบดีม.เอแบค เคยได้ยินข่าวมาบ้างถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ติดตามอย่างละเอียด แต่เมื่อได้รับการทาบทามจากดร.สุรพล นิติไกรพจน์ หนึ่งในกรรมการควบคุมม.เอแบค ก่อนจะตอบรับตำแหน่งนี้ก็ได้เข้าไปคุยกับทั้งสองฝ่ายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเองก็ยอมรับในกระบวนการที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นภารกิจหลักๆที่จะต้องเข้ามาทำมี 3 อย่างด้วยกัน คือ
1.เรื่องการบริหารงานของมหาวิทยำลัยอัสสัมชัญให้สามารถดำเนินการได้ต่อไปตามปกติ ซึ่งได้มอบหมายการดำเนินการบริหารจัดการภายในให้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เดิมที่เคยทำงานอยู่ให้มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินงานต่างๆ ตามเดิมเหมือนปกติ รวมทั้งให้คณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ได้เคยมีคำสั่งแต่งตั้งก่อนหน้านี้ คงไว้ดังเดิม และให้คณะกรรมการทุกชุดปฏิบัติหน้าที่ตามปกติเหมือนที่เคยดำเนินงานมา โดยอธิการบดีจะมีคำสั่งมอบหมายให้คณะกรรมการทุกชุดสามารถปฏิบัติหน้ำที่ได้ต่อไป โดยภารกิจนี้ก็ดำเนินการสำเร็จเป็นอย่างดี
2.การยุติความขัดแย้งในการบริหาร โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่จะเข้ามาตรวจสอบในเรื่อง โครงการฝึกบินจำลอง การบริหารงานเอแบคโพลล์ เรื่องงบประมาณมาตรฐานบัญชี และเรื่องที่ดินโดยรอบมหาวิทยาลัยเอแบค วิทยาเขตบางนา โดยคณะกรรมการควบคุมจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ
ผู้ปฎิบัติหน้าที่อธิการบดีม.เอแบค กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ได้เสนอไปยังคณะกรรมการควบคุมให้จัดตั้งเป็นอนุกรรมการในแต่ละชุด เพื่อที่จะทำให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างรวดเร็ว และจะต้องเป็นกรรมการที่เป็นกลาง เพราะการแก้ปัญหาความขัดแย้งในครั้งนี้หากก้าวเท้าผิดข้าง ถือว่าพลาดและจะไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ ดังนั้นจึงได้แนะนำคณะกรรมการควบคุมม.เอแบค ว่าจะต้องมีคนกลางจากมูลนิธิเซนต์คาเบีรยลเข้ามาร่วมด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อคณะกรรมการควบคุมฯ ได้รายชื่อผู้ที่จะมาเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วจะต้องเสนอรายชื่อมาให้ก่อน เพื่อที่จะนำไปพูดคุยกับคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายก่อนหน้านี้ทั้งในส่วนของภราดาบัญชา แสงหิรัญ และภราดาหลุยส์ ชาแนล ว่ายอมรับในตัวกรรมการหรือไม่ โดยกรรมการที่เข้ามาจะต้องไม่เป็นคนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความรู้สึกว่าการตรวจสอบในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างยุติธรรม
“ในการประชุมคณะกรรมการควบคุมฯ ในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ นี้ คาดว่าทางคณะกรรมการควบคุมฯ น่าจะได้รายชื่อของคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว แต่คงยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เพราะจะต้องนำไปพูดคุยกับตัวแทนทั้งสองฝ่ายก่อน ถ้าทั้งสองฝ่ายมั่นใจและยอมรับในตัวกรรมการที่คณะกรรมการควบคุมฯเสนอมา ก็สามารถเริ่มกระบวนการตรวจสอบได้ทันที”
ส่วนสาเหตุที่จำเป็นจะต้องนำรายชื่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ทั้ง 2 ฝ่ายที่เคยเป็นคู่ขัดแย้งพิจารณานั้น ดร.ธนู ระบุว่า ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์บานปลายของม.เอแบค เนื่องจากมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้วเกิดความไม่มั่นใจในตัวกรรมการ ทำให้ไม่ได้รับความร่วมมือในการให้ข้อมูล ดังนั้น เมื่อได้เข้าไปพูดคุยกับภราดาบัญชาว่า หากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นคนกลางที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะให้ความร่วมมือหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่ายินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และไม่ใช่พวกวัวสันหลังหวะ จึงไม่กลัวกระบวนการตรวจสอบ เพียงแต่ขอให้คณะกรรมการที่ตั้งมานั้น มีความเป็นกลางจริงๆ
“ดังนั้นในฐานะที่เข้ามารับหน้าที่อธิการบดีม.เอแบค และต้องสะสางข้อขัดแย้ง จึงยืนยันว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะต้องเป็นการสรรหาบุคคลภายนอกที่ได้รับการยอมรับจากคู่กรณีทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับ ก็จะดำเนินการสรรหาต่อไปจนกว่าจะได้คนที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ ที่สำคัญจะเสนอชื่อภราดาคนกลาง ซึ่งเป็นตัวแทนจากมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลเข้าร่วมเป็นกรรมการในทุกชุดที่จะแต่งตั้งขึ้นมา เพื่อเป็นการให้เกียรติมูลนิธิฯ ในการเข้ามาทำงานดังกล่าวและเพื่อให้เกิดความเหมาะสมชอบธรรม”
ส่วนภารกิจที่ 3 เรื่องการพิจารณา ปรับปรุง กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ของม.เอแบคนั้น อธิการบดีม.เอแบค กล่าวว่า ได้มอบหมายให้อาจารย์อภิมุข สุขประสิทธิ์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่แต่งตั้งเข้ามาเป็นรองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อถามว่าการเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้มีความกดดันหรือไม่ ดร.ธนู กล่าวว่า ไม่มีความกดดันและรู้สึกสบายใจมาก เพราะได้รับการต้อนรับจากบุคลากรภายในม.เอแบคเป็นอย่างดี ส่วนที่เลือกรองอธิการบดีเป็นบุคคลเดิมของมหาวิทยาลัย เนื่องจากเห็นว่าอยากให้การดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาของม.เอแบคเป็นไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการใช้คนเก่าที่มีความรู้และความเข้าใจอยู่แล้วจะทำให้งานดำเนินไปได้ ไม่ต้องเสียเวลาเข้ามาเรียนรู้กันใหม่ โดยได้วางกรอบแนวทางการทำงานไว้อย่างชัดเจน และคาดว่าไม่เกิน 6 เดือน การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในม.เอแบคน่าจะจบสิ้น โดยกระบวนการตรวจสอบหากได้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาแล้วก็จะต้องกำหนดระยะเวลาในการทำงานอย่างชัดเจน โดยจะต้องดำเนินการให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 2-3 เดือน
“ไม่ได้อยากเข้ามาคุมอำนาจนาน ดังนั้นอยากจะรีบแก้ไขทุกอย่างให้เร็ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างน้อย 3 เดือนปัญหาในเอแบคน่าจะคลี่คลาย หรือหากยังมีติดขัดบ้างก็คาดว่าไม่เกิน 6 เดือน เพราะเราจะไม่อยู่นานกว่านี้ การทำงานได้วางกรอบกำหนดระยะเวลาชัดเจน”