ชาวราไวย์ชี้ผวจ.ภูเก็ตแถลงข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง-บุกทำเนียบยื่นหลักฐานเพิ่มเติม
ชาวบ้านราไวย์บุกทำเนียบยื่นหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมแสดงเอกสารไม่ใช่ต่างด้าวตามที่ถูกกล่าวหา ชี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตแถลงข่าวบิดเบือดข้อเท็จจริง และยื่นข้อเสนอ 9 ข้อ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 ชาวราไวย์จำนวนหนึ่ง เดินทางมายังศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหลักฐานเพิ่มเติมหลังนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตออกมาแถลงสวนทางกับข้อเสนอของชาวเลราไวย์ นำโดยนายสนิท แซ่ซั่ว ชาวเลราไวย์ นายจำนงค์ จิตรนิรัตน์ อนุกรรมการแก้ปัญหาวิถีชีวิตชาวเล และนางปรีดา คงแป้น กรรมการแก้ปัญหาที่ดิน ที่ทำกินและพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล โดยมี พล.ต.ท. ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เป็นผู้รับมอบ
นายสนิท แซ่ซั่ว ชาวเลราไวย์ กล่าวว่า ตามที่ชายฉกรรจ์กว่า 100 คน พยายามนำก้อนหินขนาดใหญ่มาปิดเส้นทางเข้าออกและบุกเข้าทำร้ายชาวเล จนเป็นเหตุให้ชาวเล 34 คน ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นมีการเจรจาโดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานแต่ไม่มีข้อยุติ ขณะเดียวกันชาวเลได้มีข้อเสนอให้การแก้ไขปัญหาต่อหน่วยงานต่างๆ แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้แถลงข่าวสวนทางกับข้อเสนอของชาวเล บิดเบือนความจริงและเอื้อประโยชน์ให้บริษัท
นายสนิท กล่าวด้วยว่า ที่ทางจังหวัดแถลงนั้น ทั้งหมดไม่ใช่การแก้ปัญหาโดยตรง ที่มาวันนี้ก็เพื่อส่งข้อมูลเพิ่มเติมกรณีที่ท่านผู้ว่าบ่ายเบี่ยงข้อมูลในการออกข่าวในการร้องเรียนของพี่น้อง ส่วนเรื่องของพื้นที่ชายหาดชาวบ้านทุกคนต้องการให้มีการตรวจสอบเพราะทางสาธารณะนี้ได้มีการใช้ประโยชน์มาหลายชั่วอายุคน แต่ตอนนี้กลับถูกรุกราน ห้ามใช้สอย ใช้สิทธิประโยชน์ และเหตุผลเดียวที่ปิดกั้นคือ “ต้องการไม่ให้ชาวเลใช้หน้าหาดได้เช่นเดิม”
ขณะที่นาย เสกสรรค์ บางจาก หนึ่งในผู้ร้องเรียน ชาวบ้านราไวย์ เผยว่า วันนี้ได้นำหลักฐานเอกสารสิทธิ์เดิมมายื่น เช่น บัตรประชาชนของคนเถ้าคนแก่ กระดูก ภาพถ่ายทางอากาศ หนังสือที่คนสมัยก่อนได้เรียน เพื่อเอามายืนยันว่าเราไม่ใช่คนต่างด้าว เราก็มีรายชื่ออยู่ในบัตรประชาชนแบบคนไทยปกติ ซึ่งสิ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงคือชาวบ้านเดินไม่ได้ เวลาน้ำขึ้น ลมแรง หรือหน้ามรสุม น้ำก็ท่วมหมด จนทำให้ประกอบอาชีพไม่ได้ ออกเรือไม่ได้ เวลาเรือพังหากต้องการที่จะนำขึ้นมาซ่อมเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“ตอนนี้สิ่งที่เราหวังคือ ต้องการที่อยู่อาศัยให้มั่นคง ต้องการเส้นทางให้มันเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน เพื่อให้กลับมาประกอบอาชีพได้ โดยไม่รุกรานพื้นที่ของใคร ส่วนเรื่องความปลอดภัยทางตำรวจเองเวลาชาวบ้านไปแจ้งความก็ไม่ค่อยจะมา ไม่สนใจเท่าไหร่นัก จนชาวบ้านถูกทำร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้ทางเอกชนเขาจะเงียบลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีการดำเนินภาระงานเขาต่อไป”
ด้านนายจำนง จิตรนิรัตน์ อนุกรรมการแก้ปัญหาวิถีชีวิตชาวเล กล่าวว่า สิ่งที่อยากได้ในเวลานี้คือความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเรื่องของการสั่งการที่จะไม่ให้มีการดำเนินการต่อของเอกชน โดยให้ทำการชะลอไว้ก่อน เพราะตอนนี้ชาวบ้านเข้าไปในพื้นที่ทำมาหากินได้อย่างลำบากและมีการคุกคามอยู่ตลอดเวลา จนชาวบ้านต้องเฝ้าระวังการเข้าออกของคนนอกที่ไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างเข้มงวดขึ้น
ส่วนพล.ต.ท. ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ระบุว่า ข้อมูลต่างๆถือว่ารับทราบ เรื่องที่ส่งมาก่อนหน้านี้ได้นำส่งทาง รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ไปแล้ว ส่วนของวันนี้ก็ลงมารับเรื่องเพิ่มเติม โดยภายใน 2 วันนี้ทางรศ.ดร.ปณิธาน เองกำลังจะมีการรวบรวมข้อมูลการศึกษาเพื่อคัดกรองงานที่ดีให้กับทุกคนอยู่ เบื้องต้นได้มีการประสานกับตำรวจ ทหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมทั้งกำชับให้ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกัน ทั้งนี้กรณีต่างๆของผู้ต้องหาก็ได้ส่งศาลไปหมดแล้ว และอยากให้ทุกคนพากันกลับบ้านหลังจากที่ยื่นข้อเสนอได้อย่างเรียบร้อย
สำหรับข้อเสนอของชาวบ้านราไวย์มีดังนี้
1.เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกทับชุมชนชาวเล บ้านราไวย์จำนวน 19 ไร่ ตามมติคณะกรรมการแก้ปัญหาที่ดิน ที่ทำกินและพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล
2.ตรวจสอบกระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่พิพาทบริษัทบารอน เวิร์ดเทรด จำกัด จำนวน 33 ไร่ ซึ่งออกทับทางเดินสาธารณะ บาไล พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเล พื้นที่ชายหาด บ่อน้ำโบราณของชาวเล และคลองหลาโอน
3.คืนพื้นที่ชายหาดดั้งเดิม ที่มีน้ำท่วมถึงโดยการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากแผนที่ทางอากาศก่อนทำกำแพงกั้น และจากข้อมูลข้อเท็จจริงของชาวเล
4.ตรวจสอบทางเดินสาธารณะดั้งเดิม ที่มีน้ำท่วมถึงโดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากแผนที่ทางอากาศ และ ข้อมูลข้อเท็จจริงของชาวเล
5.ตรวจสอบคลองหลาโอน ซึ่งในอดีตเรือสามารถเข้าออกได้ ปัจจุบันถูกถมไปส่วนหนึ่ง
6.ตรวจสอบจำนวนพื้นที่บาไล และสุสานเด็ก ที่มีการออกเอกสารสิทธิ์ทับ
7.ให้มีการรักษาความปลอดภัยชุมชนชาวเลบ้านราไวย์ โดยให้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล 24 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ
8.ห้ามบริษัทดำเนินการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และการทำมาหากินของชาวเล บ้านราไวย์ เช่น ไม่ปิดเส้นทางสัญจร ไม่ถมคลอง ไม่ข่มขู่คุกคาม ฯลฯ
9.ให้ตำรวจดำเนินคดีกับชายฉกรรจ์อย่างเปิดเผย โปร่งใส โดยให้มีการประสานกับกลุ่มแกนนำชาวเลอย่างเป็นระบบเพื่อป้องกันบุคคลอื่นแอบอ้าง และข่มขู่คุกคามชาวเล ให้ถอนแจ้งความ