ป.ป.ช.ลุยเฟ้นหาข้อมูลปมอ้างชื่อ‘บิ๊กป้อม’หักหัวคิว-จ้างช่วงขุดคลองอผศ.
ป.ป.ช. ชุดใหม่แถลงครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง ปรับแผนทำงานใหม่ สั่งสำนักไต่สวน 8 แห่งเน้นทำคดีใหญ่ ตั้งเป้าปีนี้ปิด 500 คดี สั่งฝ่ายเลขาฯ แสวงหาข้อเท็จจริงปมอ้างชื่อ‘บิ๊กป้อม’หักหัวคิวขุดลอกคลอง อผศ.-ไฟแอลอีดี กทม. 39 ล. ประสานขอหลักฐานสำคัญ ก.กลาโหมปมก่อสร้างราชภักดิ์ สอบชาวอินโดฯ 3 คนคดีปลูกปาล์มอินโดฯ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้ง 9 ราย แถลงถึงผลความคืบหน้าในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งแรกภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯเข้ารับตำแหน่ง นำโดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ขณะนี้มีคดีที่อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน จำนวน 9,839 เรื่อง อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง (ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว) จำนวน 2,132 เรื่อง ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเคลียร์ให้ได้ปีละประมาณ 500 คดี ไม่ว่าจะเป็นคดีเล็กหรือใหญ่ เพราะถ้าจะให้เคลียร์รวดเดียวทั้งหมดโดยไม่ต้องรับคดีใหม่ ๆ มาเพิ่มเลย เกือบสิปปีก็วินิจฉัยได้ไม่หมด ขณะเดียวกันเมื่อมีความพร้อมจะแยกคดีเป็นขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ถ้าเป็นคดีเล็กก็ให้จังหวัดทำทั้งหมด เพื่อเป็นผลงานจะได้เจริญก้าวหน้า และต้องมีผลงานการไต่สวนดำเนินคดี ส่วนสำนักไต่สวนทั้ง 8 สำนัก ไม่ต้องทำคดีเล็ก มุ่งเน้นทำเรื่องใหญ่ เพราะตอนนี้มีเรื่องใหญ่ ๆ เยอะอยู่ กรรมการ ป.ป.ช. แต่ละคน กำลังคุยกับ ผอ. แต่ละสำนัก ให้แต่ละสำนักรับผิดชอบประมาณ 5 คดี รวมแล้วปีหนึ่งคงจะวินิจฉัยคดีใหญ่ ๆ ประมาณ 40 คดี ทั้งนี้ยืนยันว่าจะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา หากข้อกล่าวหาบางคนถูกตีตกไป จะได้พ้นวังวนการถูกตรวจสอบต่าง ๆ และใช้ชีวิตได้ตามปกติ
@รอข้อมูล สตง.-กห. ปมก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเยนแล้ว มีการดำเนินการสอบปากคำผู้กล่าวหา ซึ่งผู้กล่าวหาได้แจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วว่าประสงค์จะร้องใคร และข้อหาอะไร ทั้งนี้ทราบผลสอบจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหมแล้ว แต่ ป.ป.ช. อยากตรวจสอบเอกสารหลักฐานสำคัญเพิ่มเติม จึงให้เจ้าหน้าที่ประสานโดยตรงกับกระทรวงกลาโหม เพื่อขอข้อมูลดังกล่าว ส่วนกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ตรวจสอบและออกมาระบถึงข้อเท็จจริงนั้น ป.ป.ช. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ประสานขอข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการรวบรวมพยานหลักฐานด้วย ต้องดูว่าจะมีสอบเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ เพื่อให้ได้ทราบข้อเท็จจริงชัดเจน และส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. วินิจฉัยต่อไป
(อ่านประกอบ : 2 เดือนเพิ่งตอบ! ทบ.ไม่ให้ข้อมูลสร้างราชภักดิ์‘อิศรา’อ้าง สตง.สอบอยู่)
@แสวงข้อเท็จจริง กทม. ติดตั้งไฟแอลอีดี 39 ล้าน
นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า กรณีการตรวจสอบโครงการติดตั้งไฟแอลอีดีประดับลานคนเมือง กทม. มูลค่า 39 ล้านบาทนั้น ป.ป.ช. ส่งทีมงานเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล แต่จะยังไม่เชิญ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครมาให้ถ้อยคำ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ความสำคัญ คงต้องเร่งดำเนินการและแจ้งผลให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบโดยเร็วว่า มีเรื่องความไม่ชอบมาพากลหรือไม่ ซึ่งปกติในขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ใช้เวลาประมาณ 90-120 วัน ต้องรอดูว่าผลการแสวงหาข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
(อ่านประกอบ : เหลือสอบปากคำ'บ.ทัวร์-สุขุมพันธุ์'! สตง.จ่อเชือดโครงการประดับไฟกทม. 39ล.)
@คุ้ยข้อมูลปมร้อง อผศ.หักหัวคิวอ้างชื่อ‘บิ๊กป้อม’-จ้างช่วงเอกชนขุดคลอง
ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงกรณีมีการแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกค่าหัวคิวในโครงการขุดลอกคูคลองขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ว่า ฝ่ายเลขาธิการ ป.ป.ช. มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงในประเด็นต่าง ๆ เพื่อนำมาพิจารณาว่ามีมูลหรือไม่ หากมีมูลจะสามารถดำเนินการตรวจสอบได้ ส่วนของ อผศ. อยู่ในขอบข่ายของคณะไต่สวนภาครัฐ 1 ไม่จำเป็นว่าต้องมีผู้ร้องเรียน เช่นเดียวกับกรณีการติดตั้งไฟแอลอีดีประดับลานคนเมือง มูลค่า 39 ล้านบาทของ กทม.
(อ่านประกอบ : อยู่มา3-4เดือนไม่มีทุจริต!ผอ.อผศ.แจงปมจ้างช่วงขุดคลองการันตีไร้หัวคิวชั้น6)
@ประสานขอสอบชาวอินโดฯ 3 ราย เอี่ยวคดีปลูกปาล์มเจ๊ง
พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการไต่สวนกรณีกล่าวหานายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้อำนวยการโครงการพัฒนาธุรกิจน้ำมันปาล์ม และปลูกปาล์มน้ำมัน 5 โครงการที่ประเทศอินโดนีเซียของบริษัท พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ (บริษัทลูกของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)) ว่า กรณีนี้มีพยานบุคคลเยอะมาก และดำเนินการสอบไปแล้วทั้งหมด 29 ปาก รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกส่วน กำหนดแผนการไต่สวนเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความเสียหายทั้ง 5 โครงการ ส่วนที่สองคือ การริเริ่มโครงการนี้กระทำอย่างไร มูลเหตุความเป็นมา ทำโดยชอบหรือไม่ ผ่านการอนุมัติอย่างไร ตรงนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานบุคคลอีกหลายปาก ที่สำคัญพยานที่เกี่ยวข้องเป็นชาวอินโดนีเซีย 3 ราย ดังนั้นจึงส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ประสานไปยังประเทศอินโดนีเซีย เพื่อดำเนินการประสานส่งตัวมาสอบต่อไป
(อ่านประกอบ : ซีอีโอใหญ่ ปตท.ให้ถ้อยคำ ป.ป.ช.ปมปลูกปาล์มฯเจ๊งแล้ว สาวลึกใครเอี่ยวบ้าง)