จำคุกหนัก! 2 ปลัด อบต.-อำเภอ ฮั้วจ้างงานส่งเสริมท่องเที่ยว-สวมบัตร ปชช.
จำคุกหนัก! 2 ปลัด อบต.-อำเภอ ฮั้วจ้างงานส่งเสริมการท่องเที่ยวพิษณุโลก ศาลฎีกาพิพากษาคุก 5 ปี – สวมบัตรประจำตัวประชาชน ศาลอุทธรณ์พิพากษาคุก 6 ปี สารภาพลดโทษเหลือ 3 ปี
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก พันจ่าเอกประทีป ศิริมงคล เป็นเวลา 5 ปี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จากกรณีมีส่วนฮั้วโครงการจ้างเหมาส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.พิษณุโลก
ขณะเดียวกันศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาจำคุกนายสรณดล หรือจอมภพ รักเอี่ยมสะอาด ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) อ.พบพระ จ.ตาก เป็นเวลา 3 ปี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 และมีความผิดตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 มาตรา 14 (2) วรรคสาม จากกรณีสวมทำตัวบัตรประชาชนโดยมิชอบ
โดยกรณีของพันจ่าเอกประทีปนั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไผ่ขอดอน อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก กระทำผิดฐานปกปิดข่าวสารการประกวดราคาจ้างเหมาตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว (ปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว)
ต่อมาเมื่อปี 2553 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดพันจ่าเอกประทีป และส่งรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งรายงานไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีทางอาญา โดย อสส. ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ต่อมาเมื่อปี 2555 ศาลจังหวัดพิษณุโลกพิพากษาว่า พันจ่าเอกประทีป มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 161 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 12 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำผิดตาม พ.ร.บ.นี้ โดยมิให้มีการแข่งขันราคากันอย่างเป็นธรรม และผิดตาม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มาตรา 60/1 และมาตรา 65 วรรคหนึ่ง กระทำเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี
หลังจากนั้นจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานกระทำการปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 นอกจากนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ยื่นฎีกา ซึ่งล่าสุดศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คือให้ลงโทษจำคุก 5 ปี คดีถึงที่สุดแล้ว
ส่วนกรณีของนายสรณดล หรือจอมภพ นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า ทุจริตสวมตัวทำบัตรประชาชนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ราย น.ส.เล็ก ซามาร์ นายจะบู่ จะเสือ และ น.ส.อรัญญา แซ่ซิ้น ต่างกรรมต่างวาระ ต่อมา เมื่อปี 2554 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดและส่งรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย และส่งรายงานไปยัง อสส. เพื่อดำเนินคดีอาญา โดย อสส. ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดแม่สอด ต่อมาเมื่อปี 2557 ศาลจังหวัดแม่สอดพิพากษาว่า นายสรณดล หรือจอมภพ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 162 และมีความผิดตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 มาตรา 14 (2) วรรคสาม จำคุก 2 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี
ต่อมาโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 162 และ พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชนฯ มาตรา 14 (2) วรรคสาม เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด รวม 3 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 6 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี นอกจากนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์และจำเลยไม่ฎีกา คดีถึงที่สุด