'ทรู' เปิดศึกแจ้งจับบล็อกสัญญาณลูกค้าเบอร์เดิม - เอไอเอส โต้ไม่เคยปิดกั้น
'ทรูมูฟเอช' เปิดศึกแจ้งความหาตัวผู้ทำผิด หลังลูกค้าร้องเรียนถูกปิดกั้นมิให้สามารถโทรติดต่อทรูมูฟเอชแคร์ 1331 รับประโยชน์ในการย้ายค่ายเบอร์เดิมจากเครือข่ายเอไอเอส -อ้างโทษหนัก 10 ปี ต่อการกระทำ 1 ครั้ง ระบุผู้ได้รับประโยชน์เป็นบริษัทในเครือผู้บริหารสัญชาติสิงค์โปร์
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2559 ฝ่ายสื่อสารองค์กร ได้เผยแพร่ข้อมูลว่า บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (ทรูมูฟ เอช) ได้ยื่นแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ให้สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ทำผิดในเรื่องที่ลูกค้าร้องเรียนว่าถูกปิดกั้นมิให้สามารถโทรติดต่อทรูมูฟเอชแคร์ 1331 เพื่อรับประโยชน์ในการย้ายค่ายเบอร์เดิมจากเครือข่ายเอไอเอสมาเป็นทรูมูฟเอช ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการสื่อสาร โดยถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง รบกวน และถูกดักรับไว้ ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาแผ่นดินทั้งยังเกิดความเสียหายทางแพ่ง
ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอช มอบหมายให้นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ เป็นตัวแทนเข้าแจ้งความต่อ ปคบ. ให้สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ทำผิดมาลงโทษ ทรูมูฟ เอช เข้าใจว่าผู้ได้รับประโยชน์หรือมีส่วนรู้เห็นจากการกระทำผิดในครั้งนี้ น่าจะเป็นบริษัท เอไอเอส และบริษัทในเครือ ประกอบกับได้มีการตอบกลับในโซเชี่ยลมีเดียว่าเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์และเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การบริหารของผู้บริหารสัญชาติสิงค์โปร์ คือนายแอแลน ลิว ยง ประธานกรรมการบริหาร และนายฮุย เว็ง ซอง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ
ทรูมูฟ เอช เห็นว่า การปิดกั้นการสื่อสาร โดยการระงับ ชะลอ ขัดขวาง รบกวน และดักรับไว้ เป็นความผิดต่อกฎหมายอาญาแผ่นดิน เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 10 ปีต่อการ กระทำความผิด 1 ครั้ง (เช่น หากมีการบล็อก 100 ครั้ง ก็มีโทษจำคุกสูงถึง 100x10 ปี เท่ากับ 1,000 ปี เป็นต้น ) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มีโทษจำคุกสูงถึง 2 ปีต่อการกระทำความผิด 1 ครั้ง และประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 เรื่องการห้ามดักฟังโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารใด มีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปีต่อการกระทำความผิด 1 ครั้ง
ตามที่มีการปรากฏในบางกระแสข่าวว่า การปิดกั้นดังกล่าวเป็นการเยียวยาผู้บริโภคที่จะได้รับผลกระทบจากการเกิด “ซิมดับ” นั้น ข้อมูลที่ทรูมูฟ เอช ได้รับปรากฏว่า มีการปิดกั้นการสื่อสารเฉพาะที่มาจากเครือข่ายเอไอเอส มาที่เครือข่ายทรูมูฟ เอช เท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีการปิดกั้นการสื่อสารจากเครือข่ายเอไอเอสไปยังเครือข่ายอื่น ดังนั้นการกล่าวอ้างเรื่องเยียวยาเป็นการแก้ตัวแบบเลื่อนลอย
นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ตัวแทนทรู มูฟ เอช เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมที่จะทำการปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค เมื่อได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นธรรมจากผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งบริษัทจะทยอยส่งหลักฐานทางคดีแก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต่อไป
เท่าที่พบในขณะนี้ เมื่อลูกค้าเครือข่ายเอไอเอส โทรเข้าหมายเลขทรูมูฟเอชแคร์ 1331ของทรูมูฟเอชจะถูก
1.) ตัดสายโดยทันที หรือ
2.) ตัดเข้าระบบตอบรับด้วยเสียงของเครือข่ายเอไอเอสเพื่อทำการประชาสัมพันธ์สินค้าของ
เครือข่ายเอไอเอส แล้วตัดสาย หรือ
3.) ตัดเข้าระบบตอบรับด้วยเสียงของเครือข่ายเอไอเอสเพื่อทำการประชาสัมพันธ์สินค้าของเครือข่ายเอไอเอส ก่อนที่จะเข้าคอลเซ็นเตอร์ของทรูมูฟเอช
“การแจ้งความให้มีการดำเนินคดีในครั้งนี้ เพื่อให้ ปคบ.ช่วยสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ทำผิดตามอาญาบ้านเมืองซึ่งเป็นความผิดทางอาญาแผ่นดิน และรับผิดทางแพ่ง ”นางศุภสรณ์ กล่าวสรุป
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำหรับตัวอย่างที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม คือ ผู้ใช้มือถือค่ายเอไอเอส แต่ก็มีบัตรTrue BlackCard ด้วย ก็สามารถส่งเอสเอ็มเอส ไปแลกสินค้าหรือบริการ บางประเภทได้ โดยให้ส่งเอสเอ็มเอส ที่ไปเบอร์ 47-647-03 และพิมพ์ข้อความตามที่กำหนดพร้อมหมายเลขบัตรประชาชน โดยใช้มือถือเอเอสไอ
ปรากฎว่าเมื่อส่งไปตามนี้ ถ้าระบบเป็นไปตามปกติ ทางทรู จะส่งข้อความตอบกลับมาว่า คุณสามารถแลกบริการสินค้าตามที่กำหนด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เมื่อส่งไปแล้วไม่มีข้อความตอบกลับ จากนั้นก็มีข้อความแจ้งปัญหาการใช้งานส่งกลับมา (ดังรูปประกอบ)
ขณะที่ นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า “ตามที่มีการแจ้งร้องเรียนผ่านสื่อว่า เอไอเอสทำการปิดกั้นลูกค้าให้ใช้งานไม่สะดวกนั้น”
“เอไอเอส ขอยืนยันว่า บริษัทฯ ไม่ได้มีการปิดกั้นการสื่อสารของลูกค้าแต่อย่างใด และลูกค้าเอไอเอสทุกท่านสามารถโทรออกไปยังทุกเบอร์ได้ตามปกติ โดยขณะนี้บริษัทฯได้มีการสื่อสารถึงลูกค้าที่ยังใช้เครื่องมือถือ 2G เนื่องจากมีความเป็นห่วงลูกค้าที่อาจจะไม่ได้รับความสะดวกในอนาคต จึงมีการแจ้งสิทธิพิเศษในการเปลี่ยนมือถือจาก 2G เป็น 3Gและ 4G ได้ฟรี ในทุกช่องทาง อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะผ่านสื่อสารมวลชน, ผ่านสื่อในชุมชน, ส่ง SMS รวมถึงข้อความประชาสัมพันธ์เสียง ที่ลักษณะของการเตือนนั้น เมื่อลูกค้ากลุ่มที่ยังใช้งานมือถือ 2G กดโทรออกจะได้ยินเสียงข้อความประชาสัมพันธ์ดังกล่าว ที่แจ้งให้ทราบขั้นตอนการเปลี่ยนเครื่องได้ฟรีก่อน จากนั้นระบบจะเชื่อมต่อกับเบอร์ปลายทางที่ต้องการโทรไปหาตามปกติ โดยลูกค้าจะได้ยินข้อความนี้เพียง 1 วันเท่านั้น อย่างไรก็ตามลูกค้าสามารถกดยกเลิกการได้ยินข้อความเสียงดังกล่าวได้ด้วยตัวเอง ที่หมายเลข *247*1# โทรออก ฟรี ซึ่งระบบได้แจ้งให้ลูกค้าทราบไว้ในข้อความด้วยอยู่แล้ว” นางวิไลกล่าว