ภาค ปชช.ยื่นนายกฯ ค้านปลดล๊อกผังเมือง-ตั้งโรงงานเสรี ขีดเส้น 23 ก.พ. ไม่คืบ มีชุมนุมใหญ่
เครือข่ายภาคประชาชนฯ บุกยื่นหนังสือถึง นายกฯ ค้านคำสั่ง ม.44 ฉบับที่3 และ 4 ชี้ขัดเจตนารมณ์เดิมในการปฏิรูป ขีดเส้น 23 ก.พ. นี้ เตรียมชุมนุมใหญ่หากไม่คืบ
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559 ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กลุ่มเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน นำโดย ดร.สมนึก จงมีวศิน นายประสิทธิ์ หนูนวล และนายอัครเดช ฉากจินดา เดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้มีการยกเลิกคำสั่งในมาตรา 44 ฉบับที่ 3 และ 4 ซึ่งเกี่ยวข้องข้องกับการยกเว้นกฎหมายผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการยกเว้นการบังคับใช้ผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท
ดร.สมนึก กล่าวว่า การออกมาตรา 44 ทั้งสองฉบับนั้น ขัดกับหลักเจตนารมณ์เดิมของการใช้อำนาจในมาตราดังกล่าวแห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่มีไว้เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปประเทศ สร้างความสามัคคีของประชาชนในชาติ ฉะนั้นการที่มีคำสั่งทั้งสองฉบับถือเป็นการทำลายหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิของชุมชน
โดยมองว่าการพัฒนาเศราฐกิจควรคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถของคนในพื้นที่นั้น ๆ ด้วย ซึ่งการสั่งให้ยกเลิกผังเมืองจะเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของคนไทย หากเป็นเช่นนั้นการดำเนินการดังกล่าวก็จะไม่เป็นการนำไปสู่การปฏิรูปได้อย่างแท้จริง จึงเสนอให้ คสช. ยกเลิกคำสั่งทั้งสองฉบับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับเเถลงการณ์ของเครือข่ายฯ มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2559 ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคัลกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและคำสั่งที่ 4/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองสำหรับการประกอบกิจการบางประการซึ่งการประกาศคำสั่งทั้งสองฉบับดังกล่าวมีผลเป็นการยกเลิกประกันในการคุ้มครองสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของชุมชนตามกฎหมายหลายประการ เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และเครือข่ายภาคประชาชนจึงขอเสนอความเห็นและข้อเรียกร้องต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลดังนี้
1. การใช้อำนาจมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 มีเจตนารมณ์เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทำอันเป็นบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน แต่การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 3/2559 และ 4/2559 โดยใช้อำนาจตามาตรา 44 นั้นเครือข่ายฯ เห็นว่าคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2559 เป็นการเปิดทางให้มีการบริหารจัดการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษโดยยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองและกฎหมายควบคุมอาคาร เพื่อให้เกิดการจัดการพื้นที่โดยละเลยกระบวนการกลั่นกรองการพัฒนาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับชุมชน อันเป็นการทำลายหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิชุมชนด้านสิ่งแวดล้อม
2. การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษควรเป็นไปด้วยความรอบคอบคำนึงถึงศักยภาพหรือความสามารถพิเศษของคนในพื้นที่นั้น แต่กระบวนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลฉบับนี้กลับกลานเป็นการเปิดโอกาสให้กับนายทุนได้รับสิทธิพิเศษด้านต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังมีคำสั่งพิเศษ คสช.เปิดทางให้กลุ่มทุนมีการประกอบกิจการโดยไม่ต้องคำนึงถึงผังเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของคนไทย การดำเนินการแบบนี้จะไม่นำไปสู่การปฏิรูปดังที่รัฐบาลกล่าวอ้าง
3. ที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีการวางทิศทางการพัฒนาตามแนวนโยบายแห่งรัฐโดยกำหนดหลักการพัฒนาต้องเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รวมทั้งการจัดทำผังเมืองเพื่อประโยชน์ในการดูเเลและรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และกฎหมายผังเมืองก็ได้ทำหน้าที่ให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ที่เหมาะสม แบ่งเขตการพัฒนาด้านต่างๆ ตามลักษณะภูมิประเทศในแต่ละจังหวัด คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้เกิดความสมดุลมากที่สุดและเป็นมาตราการที่สำคัญสำหรับประเทศในปัจจุบัน โดยสอดคล้องกับการพัฒนาของโลก แต่ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเดินสู่ความล้าหลังด้วยการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองทั่วประเทศในกิจการโรงงานบางประเภท เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะฯ ด้วยการประกาศคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 4/2559 เครือข่ายฯ จึงมีความเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวของ คสช. จะก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมาในบ้านเมือง การใช้อำนาจฮิทธิพลขะเพิ่มากขึ้นหลายเท่าตัว อันเป้นการก้าวเดินที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐบาลและคสช.
จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด การประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไม่เข้าเงื่อนไขตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 44 เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่พึ่งกระทำไม่บรรลุประโยชน์ในการปฏิรูปหรือส่งเสริมความสามัคคี สมานฉันท์ของประชาชนตามที่มาตรา 44 ได้กำหนดไว้ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลต้องยกเลิกคำสั่งทั้ง 2 ฉบับ เพื่อคลี่คลายวิกฤตโดยเร่งด่วน
เราในนามเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และองค์กรภาคประชาชน ขอเรียกร้องต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาบให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2559 และ ที่ 4/2559 โดยเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนจะมาติดตามและทวงถามความยุติธรรมอีกครั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 .