ผจก.สสส.ยกระดับความโปร่งใส เล็งใช้ข้อตกลงคุณธรรม กับโครงการที่ได้รับทุน
ผจก.สสส. เปิดแถลงข่าว ลั่นนำองค์กรสู่ความเป็นมืออาชีพ ยกระดับความโปร่งใส เล็งใช้ข้อตกลงคุณธรรมเข้าช่วยตรวจสอบ ระบุกำลังเร่งแก้ระเบียบเพื่อยุติการชะลอโครงการที่ได้รับผลกระทบ – คลี่คลายปัญหาจัดเก็บภาษีย้อนหลัง กำหนดเปิดรับสมัครคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4-14 ก.พ. 59
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เปิดแถลงข่าว ณ ห้องประชุม 501 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ถนนพระราม 4
ดร.สุปรีดา กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาโครงการที่ถูกชะลอปัจจุบันนี้ว่า ทางสสส.ได้เร่งดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน และมีการปรับแก้ระเบียบไปแล้วกว่า 10 ฉบับ ซึ่งยังมีบางส่วนที่ทางคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ(คตร.) ให้ดำเนินการแก้ไข จึงยังไม่ได้มีการบังคับใช้
"การเร่งรัดมาตรการยุติชะลอชะลอโครงการ สสส.จะต้องแก้ระเบียบทั้งหมดให้เรียบร้อย ทุกอย่างจึงจะยุติตามกรอบเวลา แต่เนื่องจากมีบางส่วนที่ต้องแก้ไขตามที่คตร.แนะนำจึงยังไม่สามารถดำเนินการได้"
ในส่วนของเรื่องการเก็บภาษีย้อนหลังกับองค์กรและภาคีต่างๆที่เคยรับทุนจากสสส.ไปนั้น ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า จะมีการคุยรอบที่สองกับกรมสรรพากรในเร็ววันนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นช่วงใด หรือได้ข้อยุติเมื่อไหร่ ซึ่งกำลังพยายามจะดำเนินการและเร่งรัดทุกอย่างเพื่อให้กระทบกับภาคีที่เดือนร้อนในขณะนี้อย่างเร็วที่สุด แต่ก็ต้องดูหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย สสส.ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามเร่งรัดจัดการปัญหาที่อยู่ในมือ อย่างเต็มที่ที่สุด
สำหรับการการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั้น ดร.สุปรีดา กล่าวว่า จะมีการเปิดรับสมัครในวันที่ 4-14 กุมภาพันธ์ 2559 หลังจากนั้นจะมีการประชุมนัดแรกเกี่ยวกับการสรรหาคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559
ผู้จัดการ สสส. กล่าวถึงสถานการณ์การทำงานปัจจุบันด้วยว่า สสส.มีโจทย์ที่ท้าทายการทำงาน และต้องให้คำตอบต่อสังคมได้รับรู้และเข้าใจใน 4 ข้อ คือ 1.เข็มทิศของเป้าหมายหลักตามยุทธศาสตร์ผู้สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพที่จะต้องเป็นระบบยิ่งขึ้น เพื่อให้สังคมเข้าใจนิยามเชิงปฏิบัติการและองค์ความรู้ต่างๆของสสส. 2.พัฒนากระบวนการทำงานแบบองค์กรมืออาชีพ 3.พัฒนาวัฒธรรมองค์กร หรือคุณค่าหลักของสสส.ในการเป็นผู้สร้างเสริมสุขภาวะอย่างสร้างสรรค์ โดยจะต้องแปลคุณค่านี้ไปสู่แนวปฏิบัติและทักษะของบุคคลากร และ 4.สร้างการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสังคมได้ตระหนักว่าสสส. เป็นองค์กรที่ยึดมั่นในธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองยึดถือมาโดยตลอด
“ที่ผ่านมา สสส. สามารถสื่อสารให้สังคมเข้าใจความสำคัญขอการสร้างเสริมสุขภาพได้ในระดับหนึ่ง ในหลายการสื่อสารของการรณรงค์ของสสส. นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงและเป็นที่รู้จักในสังคม เช่น ให้เหล้าเท่ากับแช่ง แต่ก็ยังคงมีหลายประเด็นที่สังคมยังไม่เข้าใจ โดยเฉพาะในเรื่องกระบวนการทำงานของสสส. ดังนั้นต่อจากนี้ไปเราจะสื่อสารในเชิงรุกมากขึ้น รับฟังสังคมมากขึ้น”
ทั้งนี้ ในส่วนการพิจารณาให้ทุนต่อไปของสสส.นั้น ดร.สุปรีดา กล่าวว่า อาจจะนำเรื่องข้อตกลงคุณธรรมมาใช้ในการตรวจสอบ โดยมีผู้สังเกตการณ์เข้ามาดู รวมถึงเปิดเผยรายชื่อองค์กรที่ได้รับทุนจากสสส.มากขึ้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและไม่เป็นที่สงสัยของสังคม ต่อไปเราจะยกระดับและทำให้เป็นองค์กรโปร่งใสให้ได้