‘ผู้ว่าฯ’ทำถูก!ศาล ปค.ยกฟ้องคดีอดีต ขรก.กทม.ขอให้จ่ายบำนาญย้อนหลัง
ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง คดีอดีต ขรก.กทม. 33 ราย ขอให้ ‘ผู้ว่าฯ-สำนักคลัง’ จ่ายเงินเพิ่ม 25% ของบำนาญ ย้อนหลังถึงวันเกษียณอายุราชการ ชี้ระเบียบ มท.ว่าด้วยบำนาญ ให้มีผลหลังบังคับใช้ ยัน ‘ผู้ว่าฯ’ ดำเนินการชอบด้วย กม.
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่อดีตข้าราชการกรุงเทพมหานคร จำนวน 33 ราย เป็นผู้ฟ้องคดี กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และสำนักการคลัง กทม. เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่รัฐอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
กรณีขอให้ กทม. จ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 25 ของเงินบำนาญปกติหรือเงินบำนาญพิเศษ ณ วันเกษียณอายุราชการ จนถึงวันที่ 26 เม.ย. 2554 พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 33 ราย ตามบัญชีค่าเสียหายและจำนวนเงินค่าเสียหาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 16,746,673 บาท
ล่าสุด ศาลปกครองกลางออกนั่งพิจารณาคดี แบ่งผู้ถูกฟ้องคดีเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นข้าราชการบำนาญ กลุ่มที่สองเคยเป็นข้าราชการองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นก่อนย้ายมาสังกัด กทม. และกลุ่มที่สามเคยเป็นข้าราชการประจำกระทรวงศึกษาธิการก่อนย้ายมาสังกัด กทม.
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดได้ออกหรือพ้นจากราชการ กทม. ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2532-1 ต.ค. 2546 และได้รับเงินบำนาญปกติพร้อมด้วยเงินเพิ่มจากเงินบำนาญดังกล่าวตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2516 ต่อมา เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2554 มีการประกาศใช้ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญฯ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2554 กทม. จึงได้คำนวณเงินเพิ่มจากเงินบำนาญให้ผู้ถูกฟ้องคดี และอนุมัติจ่ายเงินบำนาญให้ผู้ฟ้องคดีแล้ว
อย่างไรก็ดีเมื่อปี 2555 ผู้ฟ้องคดี มีหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม. (ขณะนั้น) สอบถามกรณีการจ่ายเงินเพิ่มจากเงินบำนาญในอัตราร้อยละ 25 โดยไม่ได้เบิกจ่ายย้อนหลังไปถึงวันที่ผู้ฟ้องคดีแต่ละคนเกษียณหรือพ้นจากราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่สอง (สำนักการคลัง) มีหนังสือแจ้งว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดได้ออกหรือพ้นจากราชการกรุงเทพมหานครไปก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีผลย้อนหลัง แต่ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าเป็นการตีความหรือวินิจฉัยผิดพลาดและไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบกระทรวงมหาดไทย จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือให้มีคำสั่งจ่ายเงินเพิ่มจากเงินบำนาญในอัตราร้อยละ 25 ของเงินบำนาญปกติหรือเงินบำนาญพิเศษ ณ วันที่ออกหรือพ้นจากราชการกรุงเทพมหานคร
คดีนี้มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (ผู้ว่าฯ กทม.) กระทำละเมิดอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติในการจ่ายเงินเพิ่มจากเงินบำนาญหรือไม่ หากละเมิดจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือไม่ เพียงใด
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดมีสิทธิได้รับเงิน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญฯ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2554 อย่างไรก็ดีระเบียบนี้กำหนดว่าให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป ซึ่งมีการประกาศระเบียบดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2554 ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับเงินตามระเบียบนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. 2554 เป็นต้นไป
ดังนั้นการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งจ่ายเงินเพิ่มจากบำนาญให้แก่ผู้ฟ้องคดี ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. 2554 เป็นต้นไป โดยไม่มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ผู้ฟ้องคดีแต่ละคนเกษียณอายุราชการหรือพ้นราชการกรุงเทพมหานคร จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ กรณีจึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด
พิพากษายกฟ้อง
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลาง เคยมีคำสั่งเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2555 ไม่รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้ง 33 ราย ไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ รวมทั้งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 33 ราย แต่ผู้ฟ้องคดียื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด ต่อมาศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลางให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินการต่อ กระทั่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาคดีดังกล่าว