ผู้บริหารเอสซีจีคาดศก.ไทย 59 ดีขึ้นเหตุจากการกระตุ้นนโยบายภาครัฐ
กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจีชี้โครงการกระตุ้นเศรษกิจภาครัฐช่วยขับเคลื่อนการลงทุนในประเทศ คาดส่งผลเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ระบุการค้าในกลุ่มประเทศ CLMV คือตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย
วันที่ 27 มกราคม 2559 บริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี จัดแถลงผลการดำเนินงานเอสซีจีประจำปี 2558 ณ ห้องฮอลล์ 1 อาคารอเนกประสงค์ ชั้น 10 เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีมารายได้จากการขายประจำปี 2558 จำนวน 439,614 ล้านบาท ลดลง 10% จากปีก่อน และมีกำไร 45,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน เนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แม้ธุรกิจซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในประเทศมีผลการดำเนินงานลดลง
ส่วนการลงทุนในอาเซียนนั้น นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ และสามารถผลิตสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาด ซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการขยายตัวของตลาดและรองรับความต้องการของลูกค้าในอาเซียน และเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของอาเซียน โดยปี 2559 คาดว่าเศรษฐกิจในประชาคมอาเซียน (AEC) จะขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าในกลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูดชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพราะถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวด้วยว่า สำหรับประเทศไทยแม้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2558 จะชะลอตัวบ้างตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน แต่คาดว่าในปี 2559 เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากโครงการต่างๆ ของภาครัฐภายใต้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะช่วยให้เกิดการบริโภคและขับเคลื่อนการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการร่วมกันพัฒนาประเทศ
นอกจากนี้เอสซีจีเองก็ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม(HVA) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยได้ใช้งบประมาณในการวิจัยและพัฒนากว่า 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% หรือคิดเป็น 0.8% ของยอดขายรวม และในปี 2559 จะเพิ่มงบวิจัยและพัฒนาขึ้นอีกกว่า 1% ของยอดขายรวม