ทำลายข้อมูลมือถือช่วยหมอหยอง!เผยคำสั่งปปง.อายัด'สารวัตรเอี๊ยด' 45 ล.
ปปง.เผยคำสั่งอายัดทรัพย์ 'สารวัตรเอี๊ยด' พร้อมพวกทางการ 45 ล้าน ระบุชัด 2 พฤติการณ์ไม่เหมาะสม 'อัญเชิญการ์ดทรงขอบคุณ' ผู้มีส่วนร่วมกิจกรรม 'ไบค์ฟอร์มัม' ทำลายข้อมูลมือถือช่วยหมอหยอง เผยบัญชีเงินฝากบางส่วน เชื่อมโยง 'เสธ.โจ้'
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เผยแพร่คำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ของ พันตำรวจตรีปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด (เสียชีวิตแล้ว) กับพวก ประกอบไปด้วย นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง (เสียชีวิตแล้ว) นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ผู้ต้องหาในความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายองค์รัชทายาท" จำนวน 11 รายการ รวมวงเงินประมาณ 45,730,069.44 บาท โดยมีกำหนดการอายัดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.2558-21 ก.พ.2559 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องทรัพย์ชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ได้ภายใน 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบคำสั่งอายัดทรัพย์ ปปง.ฉบับนี้ พบว่ามีการระบุพฤติการณ์ของ พันตำรวจตรีปรากรม วารุณประภา (เสียชีวิตแล้ว) กับพวก ไว้ชัดเจน ว่า จากการสอบสวนในคดีที่พันตำรวจตรีปรากรม นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ ถูกแจ้งความและออกหมายจับในความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายองค์รัชทายาท
เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2558 เจ้าหน้าที่ทหาร กรมทหารราบที่ 11 กองพันที่ 1 รักษาพระองค์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 127/35 ซอยพหลโยธิน 14 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ และควบคุมตัวนายสุริยัน พร้อมของกลางมาทำการสอบสวน
ซึ่งพบว่า พันตำรวจตรี ปรากรม ได้ให้ความช่วยเหลือในการลบข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และทำลายข้อมูลในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายสุริยัน ซึ่งสามารถใช้หลักฐานในคดี พันตำรวจตรีปรากรม จึงมีพฤติการณ์ป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา กระทำการใดๆ ให้บุคคลมิให้ต้องโทษ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200
และจากการสืบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสามมีพฤติการณ์ร่วมกันอัญเชิญการ์ดทรงขอบคุณ ผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมไบค์ฟอร์มัม ไปมอบให้กับบุคคต่างๆ โดยแสดงให้ปรากฎทางคำพูด การกระทำ และเชิงสัญญาลักษณ์ว่าเป็นผู้แทนพระองค์ ทั้งที่ ไม่เป็นความจริง ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ
ขณะที่ พันตำรวจตรีปรากรม ไม่ได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่เกี่ยวข้องกับการอัญเชิญการ์ดทรงขอบคุณ แต่ร่วมกับผู้ต้องหารายอื่น กระทำการพื่อให้บุคลลอื่นเชื่อว่าตนมีตำแหน่งหน้าที่นั้น เพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงมีพฤติการณ์เป็นเจ้าพนักงานรัฐ ปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า พันตำรวจตรีปรากรม กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทรัพย์สินของพันตำรวจตรีปรากรม กับพวก ที่ปปง.ออกคำสั่งอายัดทรัยพ์ไว้จำนวน 11 รายการดังล่าว ส่วนใหญ่เป็นบัญชีเงินฝาก และบางรายการปรากฎชื่อ "พ.อ.คชาชาต บุญดี" หรือ "เสธ.โจ้" อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมตัวของเจ้าหน้าที่เป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ด้วย
(อ่านประกอบ :เส้นทางหนี 'พ.อ.คชาชาต บุญดี' กบดานชนกลุ่มน้อยเมียนมาร์?)