คุก 2 ปีครึ่ง! อดีตนายก อบต.ปางมะผ้า-แม่ฮ่องสอน เรียกรับเงินเอกชน 7 แสน
ศาลแม่ฮ่องสอนพิพากษาจำคุก 5 ปี อดีตนายก อบต.ปางมะผ้า ฐานเรียกรับเงินเอกชน 7 แสนโครงการขุดลอกลำห้วยแม่ละนา รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปีครึ่ง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน สาขาปาย พิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุทัศน์ เดชทรงชัย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปางมะผ้า อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เป็นจำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 กรณีเรียกรับเงินจำนวน 755,000 บาท (ร้อยละ 40 ของงบประมาณ) จากผู้รับจ้างในโครงการขุดลอกลำห้วยแม่ละนา ม.1 ต.ปางมะผ้า
ทั้งนี้ศาลเห็นว่า ความผิดดังกล่าวเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุก 5 ปี นายสุทัศน์ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง จำคุก 2 ปี 6 เดือน ทั้งโจทก์และจำเลยไม่อุทธรณ์ คดีถึงที่สุด
สำหรับกรณีนี้สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนายสุทัศน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบต.ปางมะผ้า เรียกรับเงิน จำนวน 755,000 บาท เรียกรับเงินจำนวน 755,000 บาท (ร้อยละ 40 ของงบประมาณ) จากผู้รับจ้างในโครงการขุดลอกลำห้วยแม่ละนา ม.1 ต.ปางมะผ้า โดยมีมูลความผิด ดังนี้
1. กระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิการของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546 มาตรา 92 แต่เนื่องจากนายสุทัศน์ เดชทรงชัย ได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการถอดถอนซ้ำอีก แต่ให้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
2. มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบ ด้วยหน้าที่ และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จึงให้ส่งรายงาน เอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ กระทั่งศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว
หมายเหตุ :ภาพประกอบข่าว จาก Google ไม่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงในข่าว