จบแล้ว! ศาลอุทธรณ์ยัน‘ภักดี’มีอำนาจเป็น กก.ป.ป.ช.ไม่ผิดตาม‘ปึ้ง’ฟ้อง
จบแล้ว! ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ‘ภักดี’ มีอำนาจเป็น กก.ป.ป.ช. ได้ ตามประกาศ คปค. ไม่เป็นความผิดตามที่ ‘สุรพงษ์-พวก’ ยื่นฟ้องกล่าวหาขาดคุณสมบัติ ไม่มีใครฎีกาต่อ
จากกรณีศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง กรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต อดีต รมช.กลาโหม นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภักดี โพธิศิริ จำเลยที่ 1 นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ จำเลยที่ 2 นายวิชา มหาคุณ จำเลยที่ 3 นายประสาท พงษ์ศิวาภัย จำเลยที่ 4 และนายวิชัย วิวิตเสวี จำเลยที่ 5 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
กรณีที่นายภักดีปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งที่เข้าข่ายขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. อันเนื่องจากมีการลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งแสวงหาผลกำไรเกิน 15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ที่ 2 ในฐานะประธาน ส่วนนายปานเทพ กับพวก รู้เห็นและยินยอมให้นายภักดีเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยศาลชั้นต้นเห็นว่า เป็นการกระทำโดยชอบ ขณะที่นายสุรพงษ์ กับพวกได้ยื่นอุทธรณ์นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาคดีนี้ โดยระบุว่า คดีมีประเด็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้ง 5 คน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์ทั้ง 5 คนบรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า จำเลยทั้ง 5 คน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 ก.ย. 2549 และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีหน่วยงานหรือองค์กรใดที่มีอำนาจตามกฎหมายได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยที่ 1 ขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. และเพิกถอนจำเลยที่ 1 พ้นจากการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. แต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จึงยังคงมีสถานะเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 19
ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. และปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการ ป.ป.ช. จึงเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ในฐานะที่จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตามกฎหมาย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ในฐานะประธานกรรมการ ป.ป.ช. และจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ในฐานะกรรมการ ป.ป.ช. รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ทั้งห้ากล่าวหาเช่นเดียวกัน
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งห้าโดยไม่นัดไต่สวนมูลฟ้องจึงชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งห้าฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน และไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นฎีกาต่อศาล บัดนี้คดีถึงที่สุดแล้ว ตามใบสำคัญคดีถึงที่สุดของศาลอาญา