มติตั้ง ‘สมเด็จช่วง’ สังฆราชองค์ใหม่ ถึงมือ 'สุวพันธุ์' เตรียมชง 'บิ๊กตู่' ตัดสินใจ
มติมหาเถรสมาคมเห็นชอบแต่งตั้ง ‘สมเด็จช่วง วัดปากน้ำ’ เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ชง รบ. ทูลเกล้าฯ ‘สุวพันธุ์’ จ่อเรียน ‘บิ๊กตู่’ หารือเพิ่มเติมสำนักพุทธ-คณะสงฆ์-วิษณุ รวมข้อมูลให้รอบด้าน ปราศจากความขัดแย้ง ประเมินสถานการณ์ ถ้าถึงจุดหนึ่งอาจใช้ ม.44 ปลดล็อค
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2559 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับมติการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่จากมหาเถรสมาคมแล้ว คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ
โดยนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนา กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับมติการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ จากมหาเถรสมาคมเรียบร้อยแล้ว คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ โดยเห็นชอบส่งรัฐบาล เพื่อนำความขึ้นทูลเกล้าต่อไป โดยเป็นมติเห็นชอบร่วมกัน ไม่มีประเด็นข้อขัดแย้ง หรือเป็นปัญหาในกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐบาล โดยกราบเรียนนายกรัฐมนตรี พร้อมเสนอข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้าน ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป และต้องหารือเพิ่มเติมกับสำนักพระพุทธศาสนา คณะสงฆ์ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายด้วย
เมื่อถามว่า จะใช้เวลานานเท่าไรถึงจะส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรี นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ ต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูล และข้อมูลต้องมีทุกประเด็น เพราะเป็นเรื่องละอียดอ่อน โดยเฉพาะประเด็นที่โดนทักท้วงมา ซึ่งน่าจะหารือกันในสัปดาห์หน้า แต่จะมาทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้
"ความรับผิดชอบอยู่ที่ผมหมด ถ้าตอนไหนผมเห็นว่าข้อมูลครบถ้วนแล้ว ผมก็จะส่งให้นายกฯ หากเห็นว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วนก็จะหาข้อมูลต่อไป แต่ทุกอย่างจะทำอย่างโปร่งใส อะไรที่พูดไม่ได้ก็บอกว่าพูดไม่ได้ อะไรที่พูดได้ก็จะเล่าให้สังคมฟัง จะไม่ทำอะไรที่คลุมเครือ" นายสุวพันธุ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มติที่ส่งมาถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2559 กรรมการมหาเถรสมาคมได้จัดการประชุมนัดพิเศษเพื่อมีมติแต่งตั้งดังกล่าว เพราะกรรมการมหาเถรสมาคมเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญประชุมได้ ต่อมาในการประชุมเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2559 เป็นการประชุมตามวาระปกติ เพื่อรับรองมติการประชุมในวันที่ 5 ม.ค. 2559 โดยทุกอย่างเป็นไปตามปกติ
ส่วนจะมีกระแสด้านจะเยอะหรือไม่นั้น นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า รอประเมินเป็นระยะ ๆ จะทำอะไรต้องดูพัฒนาการของเหตุการณ์ เรื่องที่จะเกิดขึ้นต้องดูว่าควรจะเดินแบบไหน เจตนามีอย่างเดียวคือทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรือง อยู่กับสังคมไทยโดยไม่เสียหาย ส่วนความขัดแย้งจะยุติได้โดยง่ายหรือไม่นั้น ต้องใช้เวลา ต้องรอดูกันต่อไป
"ตอนนี้อำนาจหน้าที่ของนายกฯมีอย่างเดียวคือจะกราบบังคับทูลหรือไม่ นายกฯก็มีเหตุผลของท่านอยู่ ท่านจะทำได้อย่างเหมาะสม ก็ต้องรอดูข้อมูลรอบด้านทั้งหมด" นายสุวพันธุ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากสถานการณ์เดินทางมาถึงจุด ๆ หนึ่งจะดำเนินการอย่างไร ในเมื่อมีหลายอย่างที่ต้องประเมิน มาตรา 44 จะเป็นตัวช่วยให้ราบรื่นหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายชัดเจนว่าการใช้มาตรา 44 ต้องทำให้สถานการณ์ราบรื่น เมื่อสถานการณ์ไปถึงจุดหนึ่งแล้วจึงนำมาพิจารณา
หมายเหตุ : ภาพประกอบ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) จาก mcot