ป.ป.ช.ถกปมศาล ปค.ชี้ไร้อำนาจฟันผิดคนทำราชการเสียหาย-ประพฤติชั่วร้ายแรง
14 ม.ค.นี้ กก. ป.ป.ช. ถกปมศาลปกครองสูงสุด ชี้ไร้อำนาจฟันผิดคนทำราชการเสียหายร้ายแรง-ประพฤติชั่วร้ายแรง-รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ยันมีอำนาจไต่สวนกรณีผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมเท่านั้น
จากกรณีเมื่อเดือน ส.ค. 2558 ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำพิพากษาในคดีที่นายสมปอง คงสิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายช่างรังวัด 5 สำนักงานที่ดินปทุมธานี เป็นผู้ฟ้องคดี อธิบดีกรมที่ดิน เป็นผู้ถูกฟ้องคดี คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยมีประเด็นสำคัญคือ ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีอำนาจหน้าที่ไต่สวนเพียง 3 กรณี ได้แก่ ความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมเท่านั้น ส่วนความผิดในฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไม่มีอำนาจในการไต่สวน
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ขณะนี้ฝ่ายเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในกรณีนี้แล้ว และได้แจ้งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบ โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับกรณีนี้ในการประชุมวันที่ 14 ม.ค. 2559 เนื่องจากที่ผ่านมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยชี้มูลความผิดในฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้นายสมปองถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยเมื่อปี 2547 ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง มาตรา 90 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง กรณีออกโฉนดที่ดิน 24 แปลง จ.เชียงราย โดยมิชอบ เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำไม่สามารถออกโฉนดได้ ก่อนที่อธิบดีกรมที่ดิน (ขณะนั้น) จะมีคำสั่งไล่ออกนายสมปองจากราชการ ตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
อย่างไรก็ดีศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาข้อเท็จจริง เห็นว่า ข้อกล่าวหาที่อยู่ในอำนาจการไต่สวนและพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หมายถึงเฉพาะข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมเท่านั้น และโดยที่ประมวลกฎหมายอาญาได้บัญญัติถึงองค์ประกอบและโทษเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการไว้ใน ภาค 2 ลักษณะ 2 หมวด 2 มาตรา 147 ถึงมาตรา 166 และได้บัญญัติถึงองค์ประกอบและโทษเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมไว้ใน ลักษณะ 3 หมวด 2 มาตรา 200 ถึงมาตรา 205
ดังนั้น ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม จึงเป็นมูลความผิดทางอาญา ส่วนความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ถือเป็นมูลความผิดทางวินัย นอกจากสามกรณีดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจในการไต่สวนข้อเท็จจริง
นอกจากนี้ในกรณีดังกล่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอีก แต่ความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง นั้น อธิบดีกรมที่ดินจะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนายสมปองก่อน เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนข้อเท็จจริง มติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลความผิดฐานอื่นจึงไม่มีผลผูกพันกับนายสมปองด้วย และอธิบดีกรมที่ดินจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเพื่อให้นายสมปองชี้แจงและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาต่อไป
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งไล่ออกนายสมปองของกรมที่ดินดังกล่าว เนื่องจากพิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายสมปอง ไม่ได้กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่วนความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั้นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ทำให้อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งไล่นายสมปองออกจากราชการนั้น เป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม : http://uat.admincourt.go.th/admincourt/upload/admcase/Document/judgement/PDF/2553/01012-530505-1F-581016-0000559597.pdf