'วิเชียร พงศธร' แจงไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน นั่งบอร์ด สสส.
"วิเชียร"แจงไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนนั่งบอร์ด สสส. ปัดกระแสข่าว 7 อดีตบอร์ด สสส. รวมตัวตอบโต้กรณีเจอม.44 เผยเตรียมพบ ประธาน ศอตช. เพื่อชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ได้มาร้องของความเป็นธรรม
วันที่ 12 มกราคม 2559 ที่อาคารพรีเมียร์ คอร์ปอร์เรต ปาร์ค นายวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทยและอดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เปิดแถลงข่าวต่อกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อนบอร์ด สสส."
นายวิเชียร กล่าวว่า ที่ผ่านมามีกระแสข่าวในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน มีความคาดเคลื่อนในการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทในการทำงานในมูลนิธิสองแห่ง ซึ่งได้แก่ มูลนิธินวัตกรรมสังคม และมูลนิธิเพื่อคนไทย กระทั่งได้รับทาบทามและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ สสส. เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557 ก็ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมในวันที่ 13 สิงหาคม 2557 ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่ได้รับแต่งตั้ง
สำหรับโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในมูลนิธินวัตกรรมฯ นั้น นายวิเชียร กล่าวว่า เป็นการอนุมัติงบประมาณก่อนที่จะมาเป็นบอร์ด สสส. และโครงการของมูลนิธิยังเป็นโครงการต่อเนื่องระยะ 3 ปี ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่ง จึงไม่ได้มีส่วนในการตัดสินเรื่องนี้ ซึ่งในประเด็นเป็นข้อเท็จจริงที่มีความคลาดเคลื่อนกันอยู่
ส่วนประเด็นเรื่องการเป็นประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทยนั้น นายวิเชียร กล่าวว่า ทางมูลนิธิไม่ได้มีการใช้งบประมาณของ สสส. แต่เป็นการทำงานร่วมกันมากกว่า มิหน่ำซ้ำทางมูลนิธิยังเป็นคนออกเงินในสัดส่วนที่มากกว่า สสส. ด้วยซ้ำ และการดำรงตำแหน่ง บอร์ด สสส.นั้น ตามระเบียบก็มีการกำหนดไว้ว่า ไม่สามารถอนุมัติโครงการที่ตัวเองเกี่ยวข้องได้ ดังนั้นการอนุมัติในโครงการของมูลนิธิเพื่อคนไทย จึงไม่ได้มีส่วนตัดสินใจเช่นกัน เพราะระเบียบของ สสส.กำหนดชัดเจนว่าห้ามให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีฐานะในโครงการนั้นเป็นผู้อนุมัติ
“เรื่องความสุจริตนั้นเป็นเรื่อสำคัญเพราะงานที่ทำเกี่ยวข้องกับการสร้างระบบธรรมาภิบาลและการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นกับภาคีส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง หากไม่ออกมาชี้เเจงตัวผมจะมีปัญหาความน่าเชื่อถือกับสาธารณะ" นายวิเชียรกล่าว และว่า ที่ผ่านมาบทบาทการเป็นกรรมการชุดต่างๆ ขององค์กรต่างๆ ถือเป็นการทำงานเพื่อส่วนรวมและมีคุณค่า จึงไม่เคยได้รับผลตอบแทนจากองค์กรใด รูปแบบใด ในทุกตำแหน่ง รวมทั้งตำแหน่งใน สสส.
ทั้งนี้ นายวิเชียร ยังกล่าวต่ออีกว่า การเข้ามาทำงานในบอร์ด สสส. ในความเป็นจริง ต้องเรียกว่าเป็นการเข้ามาช่วยเป็นที่ปรึกษา เพื่อพัฒนางานมากกว่า ซึ่งต่อให้ดำรงตำแหน่งหรือไม่นั้น ก็ยังคงดำเนินงานเพื่อสังคมต่อไป
เมื่อถามว่าการปลดครั้งนี้ ส่งผลด้านจิตใจหรือไม่นั้น นายวิเชียร กล่าวว่า ก็อาจมีบ้าง แต่อย่างไร การทำงานก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ในส่วนของมูลนิธิเองก็ยังคงทำงานต่อไปและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
ในส่วนของกระแสข่าวที่ว่าจะมีการรวมตัวกันของบอร์ด ทั้ง 7 คนเพื่อเคลื่อนไหวตอบโต้นั้น นายวิเชียร ยืนยันว่า ไม่มีอย่างแน่นอน เพราะหากจะขับเคลื่อนอะไร น่าจะขับเคลื่อนเรื่องดีๆ ให้สังคมดีขึ้นน่าจะดีกว่า แต่ในส่วนตัวนั้น ได้มีการนัดหมายด้วยวาจากับทาง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น(ศอตช.)เพื่อขอชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องในส่วนของตัวเองเท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นการเข้าไปกดดันหรือเคลื่อนไหวเพื่อขอความเป็นธรรมแต่อย่างใด.