อังคณา นีละไพจิตร ยันการบังคับสูญหายเป็นอาชญากรรมที่ไม่มีอายุความ
ศาลฎีกายกฟ้องจำเลยคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวสมชายนีละไพจิตร ไม่อนุญาตให้ครอบครัวเป็นโจทก์ร่วมในคดี อังคณา นีละไพจิตร ออกแถลงเสียใจ-ผิดหวังอย่างยิ่งต่อกระบวนการยุติธรรมไทย
วันนี้ 29 ธันวาคม 2558 นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ออกแถลงการณ์ หลังศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายในคดีกักขังหน่วงเหนี่ยว และลักทรัพย์สมชาย นีละไพจิตร
นางอังคณา ระบุว่า ในฐานะครอบครัวรู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างยิ่งต่อกระบวนการยุติธรรมไทย โดยเฉพาะต้นทางของกระบวนการยุติธรรม คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีในการสืบสวนสอบสวนและหาพยานหลักฐาน ซึ่งศาลฎีกาชี้ว่าหลักฐานที่พนักงานสอบสวนนำส่งศาลไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องยืนยันความถูกต้องของพยานหลักฐานที่ส่งศาล
"วันนี้ ศาลฎีกาได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ในสังคมไทย คือการยืนยันว่า ครอบครัวผู้ถูกบังคับสูญหายไม่มีสิทธิในการดำเนินการเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมแทนผู้สูญหายได้ เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานว่าผู้สูญหายได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจนมิอาจดำเนินการได้ด้วยตนเอง
วันนี้ ดิฉันในฐานะครอบครัว จึงกลับมายังจุดตั้งต้นอีกครั้ง ในฐานะผู้ไม่มีสิทธิในการเรียกร้องความเป็นธรรมแทนสมชาย นีละไพจิตร และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ในการทวงถามความจริงและความเป็นธรรมแทนครอบครัวผู้สูญหายทุกคน
ดิฉันเคยกล่าวไว้ในครั้งหนึ่งว่า “แม้กระบวนการยุติธรรมจะมิอาจคืนชีวิตให้สมชายแต่กระบวนการยุติธรรมก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในการคืนความยุติธรรมแก่เขา”
วันนี้ ณ จุดเดิม ดิฉันขอถามหาความรับผิดชอบต่อกรณีการบังคับสูญหายสมชาย นีละไพจิตร ไปยังรัฐบาลไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกระบวนการยุติธรรมไทยอีกครั้ง ดิฉันขอเน้นย้ำว่า การบังคับสูญหายเป็นอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชนชาติ เป็นอาชญากรรมต่อเนื่องที่ไม่มีอายุความ และเหยื่อและครอบครัวมีสิทธิในการทราบความจริง และความยุติธรรม
ดิฉันเชื่อมั่นว่าถ้าวันนี้สมชายสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจะไม่เสียใจ แต่จะภาคภูมิใจในสิ่งที่ครอบครัว และบรรดากัลยาณมิตรได้ร่วมกันผลักดันให้การบังคับสูญหายเป็นประเด็นสาธารณะ และเพื่อร่วมมือกันสร้างกลไกสำคัญในการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากอาชญากรรมร้ายแรงนี้
ท้ายนี้ ดิฉันขอขอบคุณบรรดากัลยาณมิตร สหายร่วมอุดมการณ์ สื่อมวลชน รวมถึงพี่น้องประชาชนทุกท่านสำหรับกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่นำพาดิฉันและครอบครัวมาถึงจุดนี้ จุดที่เราจะไม่ยอมแพ้ จุดที่เราจะไม่ก้มหัวให้อำนาจอธรรม และจะมีกำลังใจในการก้าวเดินต่อไปเพื่อความยุติธรรมสำหรับบุคคลทุกคน"